วัตถุมงคล: พระเครื่องอยุธยา,สุพรรณบุรี,อ่างทอง,สิงห์บุรี
เหรียญหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข ปี 2536 เนื้อทองแดง รุ่น ครบ 100 ปี 27-05-2563 เข้าชม : 3862 ครั้ง |
| [ ชื่อพระ ] เหรียญหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข ปี 2536 เนื้อทองแดง รุ่น ครบ 100 ปี | [ รายละเอียด ] เหรียญหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข ปี 2536 เนื้อทองแดง รุ่น ครบ 100 ปี มรณะภาพ วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๗ สิริรวมอายุ ๑๐๑ ปี ๗ วัน ๗๓ พรรษา
หลวงปู่บุดดา เกิดเมื่อวันเสาร์ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๗ ที่ ต.พุคา อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี หลวงปู่อุปสมบทเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๔๖๕ ที่วัดเนินยาว ต.โพนทอง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี มีพระครูธรรมขันธสุนทร (ม.ร.ว. เอี่ยม บ้านเดิมท่านอยู่ กทม.) เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีคณะสงฆ์ ๒๕ รูป เป็นพระอันดับ ซึ่งหลวงปู่บุดดา ถาวโร นับถือว่าเป็นอาจารย์ท่าน
อดีตสัญญา
ถ้าถามถึงอดีตชาติแล้ว ท่านมักปรารภเสมอว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้ท่านรู้สึกเบื่อหน่าย เช่น เล่าว่านับถอยหลังปัจจุบันไป ๗ ชาติ ท่านได้เกิดเป็นบุรุษทุกชาติ และเสียชีวิตตั้งแต่อายุไม่มาก รวมทั้งไม่มีครอบครัวเลย ตลอด ๗ ชาติที่ผ่านมาส่วนมากท่านเกิดฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงมากกว่าฝั่งขวา มีชาตินี้เท่านั้นที่ท่านมีอายุยืน พี่ชายของท่านในอดีตชาติทั้งรักและตามใจทุกอย่าง ตั้งแต่เด็กจะไปไหนก็พาท่านไปด้วย ได้สัญญากับท่านไว้ว่าจะไม่ทิ้งเป็นอันขาด ท่านจึงเกิดเป็นบุตรในชาติปัจจุบัน
ฉะนั้นเมื่อบิดาของท่านตีท่านในสมัยเด็ก ท่านเล่าว่า ท่านวิ่งออกไปนอกบ้านแล้วตะโกนว่า พ่อโกหกๆๆๆ ไม่ยอมหยุดจนมารดาของหลวงปู่เห็นผิดสังเกตุ จึงไปปลอบถามว่า พ่อโกหกเรื่องอะไร ท่านจึงได้เล่าเรื่องอดีตสัญญาให้มารดาของท่านฟังว่า พ่อไม่รักษาคำพูด ผู้ใดสามารถเฉลยอดีตสัญญาแบบนี้ให้เป็นธรรมและยอมรับกันได้ทั่วไปบ้าง
เรื่องอายหมา หลวงปู่เล่าว่า ตั้งแต่เด็กท่านมักจะบอกกับมารดาของท่านเสมอว่า โตขึ้นท่านจะไม่มีครอบครัว เพราะท่านละอายใจดังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้
อดีตชาติหนึ่งในหนหลังเมื่อท่านเป็นหนุ่มเกิดพอใจหญิงสาวชาวบ้านใกล้เคียงกันผู้หนึ่งจึงไปอู้สาวผู้นั้น แทนที่ฝ่ายหญิงจะพูดดีกับลำเลิกอดีตชาติว่า หลวงปู่ที่เป็นชายหนุ่มในชาตินั้นเป็นผู้ทำให้เขาถูกทุบตี และถูกจับผูกทรมานอดอาหารจนท้องกิ่วตาย พอมาชาตินี้มารักเขาทำไม หลวงปู่ในชาตินั้นก็มองเห็นอดีตตนเองได้ว่าตอนนั้นท่านเป็นสมภารเจ้าวัดอยู่ประเทศลาว ขณะนอนป่วยอยู่ มีหมาตัวเมียขึ้นมาลักลอบเอาอาหารที่เด็กเก็บไว้ ท่านจึงร้องบอกเด็ก พวกเด็กจึงไล่ตีหมา และได้จับหมาตัวนั้นไปผูกกับรั้ว และกว่าจะถูกจับได้คงต้องไกลกว่าที่สมภารนอนเจ็บประการหนึ่ง และทุกคนก็คงสนใจแต่ความป่วย และการตายของสมภาร ในเวลาต่อมาจึงลืมนึกถึงการจับหมาตัวนั้นไปผูกไว้จนต้องอดถึงตายไป เมื่อชายหนุ่มระลึกอดีตชาติได้ก็เกิดความสลดและละอายใจว่า นี่เรากำลังจะเอาหมามาเป็นเมียแล้วหรือ และเป็นการประทับฝังอยู่ในจิตใจต่อมาทุกชาติ การป่วยและการตายในคราวนั้น หมาตายภายหลัง จึงจองเวรและติดตามถูก ส่วนการที่เด็กไปตีหมาที่ถูกจับไว้จนหมาตาย ต้องมิใช่คำสั่งของสมภาร หมาจึงจองเวรได้ เพียงหมาถูกตีเพราะเสียงร้องบอกของสมภารเป็นเหตุ หมาจึงทำให้สมภารในอดีตชาติเดือดร้อนเพราะลำเลิกของหญิงนั้นตามอดีตเหตุที่สมภารได้ทำไว้เท่านั้น เรื่องความผูกพันหรือการจองเวรในอดีตชาติทำนองนี้ หลวงปู่ปรารภเสมอว่า เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้ว ท่านมีความรู้สึกเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิดมาตั้งแต่เด็ก
ผจญฝูงวัวป่า หลวงปู่ท่านเดินธุดงค์ไปหนองคาย โดยออกจาก จ.ลพบุรีไปทาง จ.เพชรบูรณ์ ผจญเข้ากับวัวป่าฝูงหนึ่ง มันเห็นและคงแปลกใจว่าจะเป็นอันตรายกับพวกมันหรือเปล่า หัวหน้าฝูงเข้ามาดมๆ ดู แล้วก็ร้องมอๆ คล้ายกับจะบอกพรรคพวกว่า ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีอันตราย เข้ามาได้แล้ว ตัวอื่นก็เข้ามาดมจนครบทุกตัวแล้วก็เลยไป
พบซากศพตัวเองในอดีต คราวนี้ท่านได้สอบดูนิมิตสมัยเด็กๆ ของท่านพบว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่นอกนครเวียงจันทน์ไม่ไกลนัก ซึ่งเมื่อถึงแก่กรรมแล้ว เขาก็นำเอาศพในอดีตชาติของท่านไปฝังไว้และไม่ได้เผา ในนิมิตนั้นท่านเห็นกะโหลกศีรษะขาวโพลน โผล่ดินขึ้นมาตรงตอพุดซา ท่านจึงไปสอบดูตามนิมิตและได้พบกะโหลกศีรษะมนุษย์ในภูมิประเทศคล้ายคลึงกัน แต่กะโหลกที่พบจริงไม่ขาวเท่าในนิมิต และตอพุดซาไม่มีแล้วท่านจึงได้เผากระดูกนั้นด้วยตนเอง
ขณะที่ไปสอบดูตามนิมิตก็ใกล้เข้าพรรษาแล้ว ท่านได้จำพรรษา ณ วัดบ้านทุ่ง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และในขณะที่ข้ามไปเวียงจันทน์ ได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์และวัดพระแก้วที่เวียงจันทน์ ท่านระลึกถึงอดีตชาติเมื่อเห็นตู้พระไตรปิฎกและจารด้วยตนเอง ตั้งแต่สมัยเป็นสามเณรต่อมาเป็นภิกษุและเป็นสมภารเจ้าวัดในที่สุด ได้จารพระไตรปิฎกบรรจุไว้จนเต็ม 3 ตู้ ท่านว่าได้เป็นสมภารเจ้าวัดในฝั่งลาว 3 สมัย ตายตั้งแต่ยังไม่พ้นวัยกลางคน ที่ท่านไปพบตู้ที่สร้างไว้นั้นไม่มีพระไตรปิฎกแล้ว
ตะขาบเจ้ากรรม หลวงปู่บุดดาท่านจาริกธุดงค์บำเพ็ญเพียรมาโดยตลอด จนถึงพรรษาที่ 4 ท่านได้ออกธุดงค์อยู่ในป่าแถบเทือกเขาภูพานนั้น ท่านได้พบกับพระธุดงค์องค์หนึ่งคือ พระสงฆ์ พรหมสโร ซึ่งมีอายุแก่กว่าท่าน 10 ปี พรรษามากกว่า 1 ปี ทันทีที่ได้พบหน้าท่านระลึกชาติได้ว่าพระสงฆ์ พรหมสโร เคยเป็นบิดาในอดีตชาติ ท่านจึงเรียกพระสงฆ์ พรหมสโร ว่าคุณพ่อสงฆ์ หลวงปู่บุดดากับพระสงฆ์ พรหมสโร มีอัชฌาศัยตรงกัน หลังจากนั้นท่านได้ออกจาริกร่วมธุดงค์มาด้วยกัน จากอีสานมาสู่ภาคกลาง ผ่าน ต.หัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ พบชัยภูมิคือ ภ้ำภูคา บนภูคา มีบรรยากาศสงบ ร่มเย็นและวิเวกยิ่ง
ตอนอยู่ถ้ำภูคานี้ แม้จะสนทนากันก็ต่างองค์ต่างอยู่ในที่ของตน คราวหนึ่งเสียงของหลวงปู่บุดดาเงียบหายไป หลวงพ่อสงฆ์ผิดสังเกตจึงเดินไปดูก็เห็นหลวงปู่บุดดานั่งหลับตา มีตะขาบตัวใหญ่มากขึ้นไปขดอยู่กลางศีรษะของท่าน หลวงพ่อสงฆ์ต้องเอาผ้าอาบของท่านหย่อนลงให้ตะขาบไต่ขึ้นผ้าแล้วจึงเอาไปปล่อยนอกถ้ำ
หลวงปู่บุดดาท่านเล่าว่า มันไต่ขึ้นภายในสบงผ่านเอวแล้วผ่านหลังท่านขึ้นไป ท่านจึงต้องกลั้นลมหายใจ ปิดหู ปิดตา จมูก ปากหมด เจ้าตะขาบจึงเข้าไม่ได้ เมื่อหลวงพ่อสงฆ์เอาไปปล่อย ปรากฏว่ามันกัดตัวเองจนขาดเป็นท่อนๆ กองอยู่ตรงที่ปล่อยนั่นเอง
วัววิ่งชนหลวงปู่ หลวงปู่ได้รับนิมนต์จากชาวบ้าน จ.เพชรบุรี พร้อมด้วยอาจารย์เหล็ง พอถึงหน้าบ้านท่านก็ร้องให้เจ้าภาพเจ้าของวัวผูกวัว เจ้าของบ้านออกมายืนนอกชาน ร้องนิมนต์ให้เข้ามาเถิดไม่เป็นไรหรอก ท่านก็เดินเข้าบ้าน เจ้าวัวไม่ยอมรับรู้วิ่งก้มหัวเข้าใส่ทันที พอมันเข้ามาใกล้ท่าน อาจารย์เหล็งเห็นดังนั้นคิดอุทิศชีวิตถวายหลวงปู่ ถลันขึ้นไปเสมอกับท่านไม่ทันล้ำไปข้างหน้า ทันใดขาทั้ง ๔ ของเจ้าวัวตัวนั้นเหมือนถูกตรึงอยู่ห่างจากหลวงปู่ประมาณ ๒ วา เจ้าของวัวจึงได้นำวัวไปผูก เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่ชาวเมืองเพชรบุรีเล่าลือกันทั่วไป
แชะ แชะ อีกคราวหนึ่งมีนายทหารถือปืนเข้าวัดมาเพื่อจะยิงนก เข้ามาในวัดจนถึงหน้ากุฏิท่าน ท่านเลยชี้บอกนายทหารคนนั้นว่า "โน่นไงนก" นกกำลังเกาะกินลูกไม้บนต้นไม้ใหญ่ใกล้กุฏิท่าน ท่านบอกให้ยิงเพียง ๒ ครั้งเท่านั้น นายทหารคนนั้นเอาปืนยิงทันที ครั้งแรกดังแชะ ไม่ออก ครั้งที่ ๒ ดังแชะอีก ไม่ออก ท่านอาจารย์เหล็งจึงบอกว่า "ไม่ได้ อย่ายิงอีกนะ ปืนจะแตก" นายทหารคนนั้นก็เชื่อและไม่เข้ามาในวัดอีกเลย ส่วนพระอาจารย์เหล็งนั้นเมื่อติดตามหลวงปู่บุดดามาเพชรบุรีแล้วก็ไม่ได้กลับกรุงเทพฯ ครั้งสุดท้ายท่านอยู่วัดบุญทวี ถ้ำแกลบและมรณภาพที่วัดนี้เอง
ไม่ข้ามหมา หลวงปู่ท่านได้ไปจำพรรษาที่ จ.ระยอง วันหนึ่งท่านมีธุระที่จะต้องเดินไปกุฏิอีกหลังหนึ่ง ทางที่จะไปนั้นต้องข้ามสะพานไม้ที่ทอดไป แต่บนสะพานนั้นมีสุนัขตัวหนึ่งนอนขวางทางอยู่ ท่านก็ไม่ข้ามกลับเดินลงไปลุยโคลนแทนที่จะข้ามสุนัขตัวนั้น ท่านว่าไม่อยากให้ผู้อื่นได้รับความขุ่นเคือง และเป็นการเบียดเบียนโดยเห็นแก่ความสะดวกของตนเองแม้เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน ท่านก็ยังไม่ข้าม แสดงถึงคุณธรรมอันสูงส่งในจิตใจของท่าน
หลวงปู่บุดดาแม้จะดูธรรมดามากๆ แต่สำหรับกองทัพธรรมผู้ปฏิบัติธรรมทุกๆ ท่านมีความเคารพและนับถือหลวงปู่บุดดาอย่างสูงสุด ดังเช่น
หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง พระเถระสายวิปัสสนากรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ท่านไม่เคยสรรเสริญพระสงฆ์องค์ใดง่ายๆ วันหนึ่งหลวงปู่ชา ท่านทราบว่าหลวงปู่บุดดาท่านนั่งโดยสารมาบนรถบัส หลวงปู่ชา ท่านถึงกับเอ่ยปากพูดกับลูกศิษย์ของท่านว่า "ไม่ต้องให้หลวงปู่บุดดาท่านต้องลงมาจากรถบัสหรอกนะ เราจะขึ้นไปกราบหลวงปุ่บุดดาบนรถเอง และหลวงปู่ชาท่านก็เดินขึ้นไปบนรถบัสทั้งกราบ ทั้งไหว้อย่างเคารพเรียบร้อยที่สุด
หลวงพ่อฤษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เคยบอกลูกศิษย์ของท่านว่า ให้ลูกศิษย์ไปกราบหลวงปู่บุดดา ตั้งแต่ครั้งที่หลวงปู่บุดดาจำพรรษาอยู่วัดอาวุธสิกตาราม เขตบางพลัด กรุงเทพฯ โดยหลวงพ่อฤษีลิงดำให้เหตุผลว่า ให้รีบไปกราบท่านนะหลวงปู่บุดดาองค์นี้ท่านเป็นพระทองคำ ท่านจะไม่มาเกิดอีกแล้วนะ
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่ ท่านยังขอถวายสังฆทานและผ้าจีวรเป็นการเฉพาะ และบอกว่า หลวงปู่บุดดา ยอดเยี่ยมที่ ๑ แก่ทั้งอายุ แก่ทั้งพรรษา และแก่ทั้งมรรคผลนิพพาน" มีผู้สงสัยในพุทธคุณที่หลวงปู่บุดดาได้อธิษฐานจิตเสกเอาไว้ ได้นำเอาพระที่ท่านเคยเสกเอาไว้แล้วส่งให้ท่านเสกอีก ท่านก็ส่งคืนถึง ๓ ครั้ง โดยไม่แสดงอาการเสกแต่อย่างใด ครั้งหนึ่งมีผู้นำพระของหลวงปู่บุดดา ถาวโร ไปให้ ครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขต จ.ตาก ผู้ที่นำพระไปได้เรียนให้ครูบาสร้อยเสกซ้ำอีกที ครูบาสร้อยได้ปฏิเสธและให้เหตุผลว่า เต็มแล้ว เสกไม่ได้แล้ว แม้แต่ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ยังปฏิเสธไม่เสกให้ จะให้เสกทับได้อย่างไร เพราะหลวงปู่บุดดาก็เป็นครูบาอาจารย์องค์หนึ่งของเรา พระเกจิอาจารย์ต่างยกย่องและนับถือหลวงปู่บุดดา ถาวโร ในฐานะ พระอรหันต์ | [ ราคา ] ฿500 [ สถานะ ] มาใหม่
[ติดต่อเจ้าของร้านเจ้าพระยาพระเครื่อง] เบอร์โทรศัพท์ : 081-6414009,029243140 ( อ้น ระโนด ) line ID weerapong07 | |
|
วัตถุมงคล: พระเครื่องอยุธยา,สุพรรณบุรี,อ่างทอง,สิงห์บุรี |
| |
|