[ รายละเอียด ] เหรียญหลวงพ่อแดง(พระครูญาณวิลาศ) วัดเขาบันไดอิฐ รุ่น จปร. ปี ๒๕๑๓ โค๊ต-แดง ชัดๆ.. หาสวยๆแบบนี้..ยากครับ ปลุกเศกโดยหลวงพ่อแดง-พิธีใหญ่-นายทหารตำรวจใหญ่ๆมากมาย พร้อม ตอกโค๊ตคำว่า"แดง"ซึ่งเป็นชื่อหลวงพ่อ ถอดมาจากลายมือหลวงพ่อ (ที่ระลึกรับราชการครบ 30 ปี นายทหาร นายตำรวจ จปร)
"พุทธคุณสุดยอด.... หารุ่นแรกไม่ได้ก็แนะนำรุ่นนี้ครับ" พ.ศ.ลึก ราคาน่าสะสม....สภาพเหรียญสวยเยี่ยม..
ประวัติ หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ
"หลวงพ่อแดง" แห่งวัดเขาบันไดอิฐ
ท่านเป็นพระเกจิที่มีญาณสมาธิแก่กล้า
มีจิตตานุภาพสูงพอที่จะเพ่งเครื่องรางให้ขลังได้
ผ้ายันต์และเหรียญลงยันต์ของหลวงพ่อแดงจึงมีผู้นิยมเ สาะหาไปบูชากันมาก
แม้ท่านจะมรณภาพไปตั้งแต่ 16 มกราคม พ.ศ. 2517 แต่ความนิยมเลื่อมใสศรัทธา
ความเชื่อมั่นในกฤตยาคม อภินิหาร
และอาคมขลังในวัตถุมงคลของท่านก็ยังไม่เสื่อมคลาย
หลวงพ่อรูปนี้ท่านมีอะไรดี ทำไมใครๆ
ทั่วสารทิศจึงพากันมาวัดเขาบันไดอิฐกันไม่ขาดสาย...
"หลวงพ่อแดง" หรือ "พระครูญาณวิลาศ"
เกิดที่ ต.บางจาก อ.เมือง จ.เพชรบุรี บิดาชื่อนายแป้น มารดาชื่อนางนุ่ม
นามสกุล อ้นแสง เกิดเมื่อวันพุธ ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 11 พ.ศ. 2422
ในวัยเด็กท่านก็ช่วยพ่อแม่ทำไร่ ทำนา
ไม่มีโอกาสร่ำเรียนหนังสืออย่างเด็กสมัยนี้จนกระทั่ง อายุ 20 ปี
พ่อแม่ก็หวังจะให้บวชเรียน จึงพาไปฝากกับท่านอาจารย์เปลี่ยน วัดเขาบันไดอิฐ
เพื่อจะได้เล่าเรียนและบวชเป็นพระภิกษุต่อไป
พระภิกษุแดงเมื่อได้บวชก็ประพฤติเคร่งครัดต่อพระวินั
ยและปฏิบัติต่อพระอาจารย์เปลี่ยนเป็นอย่างดี
อาจารย์เปลี่ยนจึงรักใคร่มากกว่าศิษย์คนอื่นๆ และยังไดสอนวิชาการวิปัสสนา
และวิธีนั่งปลงกัมมัฏฐานให้
รวมถึงถ่ายทอดวิชากฤตยาคมให้อย่างไม่ปิดบังหวงแหน
เหตุนี้จึงทำให้พระภิกษุแดงเพลิดเพลินในการศึกษาวิชา ความรู้ จนลืมสึก
ยิ่งนานวันก็ยิ่งสำนึก ในรสพระธรรม ก็เลยไม่คิดสึกเลย
จึงกลายเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่มีอาวุโสสูงสุด
จนกระทั่งพระอาจารย์เปลี่ยนมรณภาพลง พระภิกษุแดงรับหน้าที่เป็นสมภารวัดเขาบันไดอิฐแทน กลายเป็น "หลวงพ่อแดง"
ตั้งแต่ พ.ศ. 2461 เป็นต้นมา และแม้ท่านจะได้เป็นสมภารซึ่งต้องมีภารกิจมาก
แต่ท่านก็ยังปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิในถ้ำเพื่อแสวงหาวิมุตติภาวนาทุกวัน
ญาณสมาธิจึงแก่กล้า จิตนิ่ง บริสุทธิ์ จนว่ากันว่าท่านมีหูทิพย์ ตาทิพย์
หลวงพ่อแดงไม่
เคยอวดอ้างในญาณสมาธิของท่าน
แต่ผลของความศักดิ์สิทธิ์ในเลขยันต์เป่ามนต์ของท่านก
็ได้สำแดงออกมาให้ประจักษ์ว่าคุ้มครองป้องกันภัยได้แ น่ๆ
โดยมีเรื่องเล่ากันมาว่า
ในระหว่าง พ.ศ. 2477 ถึง พ.ศ.
2480 เวลานั้นเกิดโรคระบาดสัตว์ วัวควายเป็น โรครินเดรอ์เปรส
ซึ่งเป็นโรคปากเท้าเปื่อยที่ติดต่อร้ายแรง พากันล้มตายเป็นเบือ
สัตว์แพทย์ก็ไม่มี ต้องขอให้ทางการมาช่วยฉีดยา
ราษฎรจึงพากันไปหาหลวงพ่อให้ช่วยปัดเป่าป้องกันโรคระ บาดสัตว์ให้ด้วย
หลวงพ่อแดง
จึงปลุกเสกลงเลขยันต์ในผืนผ้ารูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ
แจกให้ชาวบ้านที่เลี้ยงวัวควายนำไปผูกปลายไม้ปักไว้ท ี่คอกสัตว์ของตน
ปรากฏผลว่า คอกสัตว์ที่ปักผ้าประเจียดยันต์หลวงพ่อแดงไม่ตายเลย ทุกบ้านในตำบลใกล้เคียงวัดเขาบันไดอิฐ เมื่อรู้กิตติศัพท์จึงพากันมาขอยันต์หลวงพ่อแดงทุกวั นมิได้ขาด
กระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
คือมหาสงครามเอเชียบูรพา มีทหารญี่ปุ่นมาขึ้นที่ประจวบคีรีขันธ์
ก็เกิดการต่อสู้กับทหารอากาศของไทยที่นั่น ชาวเพชรบุรีก็ตระหนกตกใจ
แล้วชักชวนกันหาหลวงพ่อแดง ท่านก็ลงผ้าประเจียดยันต์แจก
ให้คุ้มครองป้องกันตัว
เมืองเพชรบุรี เมื่อ พ.ศ. 2487
เกิดภัยสงครามชนิดร้ายแรง มีระเบิดลงทุกวันทำลายสถานีรถไฟ สะพานข้ามแม่น้ำ
บ้านเรือน โรงเรียนต้องสั่งปิด ข้าราชการไม่ได้ไปทำงาน
ทุกหน่วยราชการปิดหมด และปรากฏเรื่องเป็นที่ฮือฮาว่า
บ้านคนที่มีผ้ายันต์หรือห้อยเหรียญหลวงพ่อแดง กลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย
หลวงพ่อแดงจึงดังใหญ่ จนสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2
กิตติคุณของหลวงพ่อในทางกฤตยาคมจึงปรากฏความศักดิ์สิ ทธิ์แพร่หลายยิ่งขึ้น
ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อแดง
ปรากฏอีกครั้ง เมื่อเกิดคอมมิวนิสต์ญวนเหนือบุกญวนใต้
ประเทศไทยต้องส่งกองพันเสือดำ ออกไปช่วยพันธมิตรรบในญวนใต้
ก็ปรากฏว่าทหารไทยที่ไปปฏิบัติหน้าที่รบในเวียดนาม
คนที่มีเหรียญหลวงพ่อแดงห้อยคออยู่ ไม่ถูกอาวุธเป็นอันตรายแก่ชีวิตสักคน
ทั้งๆ ที่เข้าประจัญบานอย่างหนัก
เป็นที่สงสัยของเพื่อนทหารต่างชาติว่าทหารไทยมีของดี อะไร
ได้รับคำตอบจากทหารไทยว่ามี "เหรียญหลวงพ่อแดง"
ท่านเป็นพระใจดีมีเมตตาสูง
และอารมณ์ดีเสมอ ไม่ชอบดุด่า ว่าใคร โดยเฉพาะคำหยาบคายถึงพ่อแม่
ท่านห้ามขาด ท่านว่าทุกคนเขาก็มีพ่อมีแม่
การด่าถึงบุพการีทำให้ความดีงามเสื่อมถอย ถึงห้อยพระพระท่านก็ไม่คุ้มครอง
หลวงพ่อแดง มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่ออายุ 96 ปี พรรษาที่ 74 ก่อนตายท่านเคยพูดกับพระปลัดบุญส่ง ธมัมปาโล รองเจ้าอาวาสวัดขณะนั้นว่า
"เมื่อฉันหมดลมหายใจแล้วอย่าเผา ให้เก็บร่างฉันไว้ที่หอสวดมนต์
และให้เอาเหรียญที่ปลุกเสกรุ่น 1 ใส่ปากไว้พร้อมเงินพดด้วง 1 ก้อน
ส่วนนี้ฉันเอาไปได้และให้เอาขมิ้นมาทาตัวฉันให้เหลืองเหมือนทองคำ"
พระบุญส่งจึงรับปาก
และได้ทำตามที่หลวงพ่อประสงค์ทุกอย่างและหลังจากที่หลวงพ่อแดงมรณภาพแล้วก็
ได้เกิดเหตุอัศจ รรย์ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า อภินิหารของหลวงพ่อแดงมีจริง
กับผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองเพชรบุรีท่านหนึ่ง ซึ่งจู่ๆ
ท่านก็มีนิมิตฝันเห็นบ่อน้ำโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ต้ นก้ามปูใหญ่
พอขุดก็พบบ่อน้ำนั้นจริงๆ
บ่อน้ำแห่งนี้หลวงพ่อแดงเคยพูดไว้สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่าเป็น "บ่อน้ำวิเศษ" และขณะที่ขุดยังพบ "หัวพญานาคสีขาว"
แบบปูนปั้นอยู่ที่ก้นบ่อด้วย 1 หัว
เมื่อชาวบ้านรู้ข่าวก็พากันแห่มาเพื่อจะตักน้ำเอาไปใช้กันแต่ปรากฏว่าพบงู
ใหญ่ตัวหนึ่งนอนขดอยู่ใต้สังกะสีที่เอาไว้ปิดปากบ่อ ชาวบ้านที่เห็นบอกว่า
ลักษณะงูที่เห็นนั้นมีหงอนที่หัวด้วย
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าไปตักน้ำที่บ่อนี้ี้อีกเลย
ที่น่าแปลกอีกก็คือ นายตำรวจท่านหนึ่งซึ่งเคยมาช่วยงานในวัดก็ฝันเห็นหลว งพ่อแดง ท่านมาต่อว่า "ทำอะไรทำไมไม่บอก"
นายตำรวจก็ไปเล่าให้พระปลัดบุญส่งเจ้าอาวาสรูปปัจจุบ ันฟัง
ท่านก็ไม่เชื่อแล้วยังสั่งให้ย้ายศาลเก่า 2 ศาล
บริเวณเชิงเขาบันไดอิฐเพื่อปรับปรุงบริเวณ
โดยไม่ยอมทำพิธีเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพราะท่านเป็นคนไม่เชื่อไสยศาสตร์
ปรากฏว่าพอตกเย็นก็เกิดอาการผิดปกติ อยู่ๆ คอก็เริ่มบิดและตัวแข็งไปทั้งตัว
ขยับไม่ได้ ชาวบ้านมาเยี่ยมเห็นว่าอาการหนักมากจึงช่วยกันพาส่งโ
รงพยาบาลเปาโล แต่พอถึงโรงพยาบาล อาการที่เป็นกลับหายราวปลิดทิ้ง
และเมื่อเอ็กซเรย์พร้อมตรวจอย่างละเอียดก็ไม่พบว่าเป ็นอะไรเลย
และระหว่างที่นอนพักรักษาตัวอยู่ ท่านก็พูดออกมาคนเดียวโดยไม่รู้ตัวว่า
"ของดีมีอยู่ ผ่านไปผ่านมาไม่ใช้ต้นก้ามปูตรงนั้นเป็นบ่อน้ำ ให้ขุดลงไปแล้วจะเจอ มีของดีทำไมไม่รักษา"
ในภายหลังที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วพระปลัด
บุญส่งก็ได้ฝ ันอีกครั้ง ในความฝันท่านเห็นคนนุ่งผ้าถกเขมรมาหา
มาบอกว่าเขาเป็นคนมัดหลวงพ่อเอง
พูดแล้วเขาก็เอามือรีดที่ตัวหลวงพ่อเหมือนรีดเอาไขมั นออก ทั้งขาและแขน
จนหลวงพ่อพระปลัดบุญส่งสะดุ้งตื่นและพอตื่นขึ้นมาก็ย
ังเห็นผู้ชายคนนั้นอยู่ในห้องพอถามชื่อ เขาก็ถอยออกไปแล้วตอบกลับมาว่า
"เขาเป็นเปรต" จากนั้นก็หายวับกลายเป็นแสงไฟ พร้อมเสียง "วี๊ด" ดังมาก
ซึ่งพระในวัดก็ได้ยินกันทั่ว
เรื่องนี้ได้ทำให้ "พระปลัดบุญส่ง" เจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐรูปปัจจุบัน ยังยอมรับว่าไสยศาสตร์และอภินิหารของหลวงพ่อแดงนั้นมีจริงเพราะเจอแล้วด้วยตัวท่านเอง
เหรียญรุ่นหนึ่ง เนื้อทองแดง พิมพ์นิยม
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๒ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระครูญาณวิลาศ" พร้อมรับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ลูก
ศิษย์จึงได้ทำการฉลองสมณศักดิ์ให้ท่าน
ในการนี้ท่านได้สร้างเหรียญขึ้นเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้มาร่วมงาน
นับว่าเป็นเหรียญรุ่นหนึ่งของท่าน เป็นเหรียญทองแดงรมดำ จำนวน ๑๕,๐๐๐ เหรียญ และ
เป็นเหรียญเงินจำนวน ๘๓ เหรียญเท่าจำนวนอายุของท่านที่ย่างเข้าปีที่ ๘๓
ตัวเหรียญเป็นรูปวงรีคล้ายรูปไข่ ส่วนกว้างที่สุดประมาณ ๒.๖ เซนติเมตร สูงสุดประมาณ ๓.๔ เซนติเมตร เนื้อโละทำด้วยทองแดงรมดำ ด้าน
หน้าบนซ้ายมือมีอักษรปั๊มนูนสูงว่า "พ.ศ. ๒๕๐๓"
ทางด้านขวามือมีอักษรเขียนว่า "อายุ ๘๒ ปี" ส่วนด้านล่างเขียนว่า
"พระครูญาณวิลาศ (แดง)" ส่วนด้านหลัง ลงหัวใจพระพุทธคุณต่างๆ ไว้ด้วยภาษาขอม ตรงกลางด้านหลังลงยันต์สี่ มีหัวขมวด เป็นเหรียญที่ดังมากพุทธคุณ มีประสบการณ์สูงทาง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ปัจจุบันหายากมากๆ
เหรียญรุ่นสอง และ เหรียญรุ่นแจกแม่ครัว เนื้ออัลปาก้า
หลัง
จากที่เหรียญรุ่นหนึ่งสร้างประสบการณ์ต่างๆ
มากมายจนกิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิเป็นที่เลื่องลือ
ผู้คนต่างพากันมาขอเหรียญร่วมทำบุญ จนเหรียญรุ่นหนึ่งหมดไปจากวัด
จึงได้มีการสร้างเหรียญรุ่นสอง สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๗
ลักษณะองค์หลวงพ่อและอักขระเลขยันต์เหมือนกับเหรียญรุ่นหนึ่ง
แต่ต่างกันที่คำว่า "เอ" (ซึ่งเป็นอักษรขอมตำแหน่งล่างสุด)
ของรุ่นหนึ่งจะมีดูคล้าย "ฃ" แต่ของรุ่นสองดูคล้ายเลข "๘"
เหรียญรุ่นสองนี้มีประสบการณ์แคล้วคลาดมากมายไม่แพ้รุ่นหนึ่งเลย ในการสร้างรุ่นที่สองนี้ ท่านได้สั่งทำเหรียญขนาดเล็กด้วยอัลปาก้า เพื่อสำหรับแจกแม่ครัวเรียกว่า "รุ่นแจกแม่ครัว" อีกด้วย
เหรียญรุ่นโจว เนื้อทองแดง
ใน
งานฉลองอายุท่านเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐
ทางวัดได้สร้างเหรียญขึ้นใหม่โดยใช้ข้อความและตัวอักษรเหมือนรุ่นหนึ่ง
ทุกอย่าง แต่ใบหน้าหลวงพ่อเปลี่ยนไป
ในปีเดียวกันนี้มีพ่อค้าได้สร้างเหรียญขึ้นอีกรุ่นเพื่อนำไปให้ท่านปลุกเสก คราวนี้ได้เปลี่ยนใบหน้าหลวงพ่อให้ชราภาพมากขึ้น ข้อ
ความด้านหน้าเหรียญด้านบนปั๊มคำว่า " พ.ศ. ๒๕๑๐ ที่ระลึกอายุครบรอบ ๘๙ ปี"
ด้านล่างปั๊มคำว่า "พระครูญาณวิลาศ (แดง) "
อักษรเลขยันต์ด้านหลังเหมือนรุ่นหนึ่ง แต่ได้ตอกภาษาจีนอ่านว่า " โจว"
ไว้ที่ใต้ตัวอุ เหรียญรุ่นนี้มีเนื้อทองคำ นาค เงิน และทองแดงรมดำ เนื้อทองแดงมีจำนวน ๒,๐๐๐ เหรียญ
เหรียญรุ่นแม่ทัพสร้าง เนื้อทองแดง
พ.ศ.
๒๕๑๑ ท่านมีอายุครบ ๙๐ ปี แม่ทัพภาคที่ ๑
ได้ขอให้ท่านทำเหรียญขึ้นอีกรุ่นเป็นรูปอาร์ม เนื้อทองแดงมีจำนวน ๔๘,๐๐๐
เหรียญ ส่วนเนื้อเงินและทองคำ มีจำนวนลดหลั่นลงไป เหรียญรุ่นนี้เรียกว่า
"รุ่นแม่ทัพสร้าง" และยังมีเนื้ออัลปาก้าอีกด้วย
พ.ศ. ๒๕๑๓ คณะนายทหารตำรวจจากโรงเรียนนายร้อย จปร. รุ่น ๑๒ ได้สร้างเหรียญเพื่อเป็นที่ระลึกในการรับราชการครบ ๓๐ ปี เหรียญรุ่นนี้ท่านได้เซ็นชื่อ "แดง" ไว้ และใช้ตอกเป็นโค๊ดไว้ที่ด้านหน้าของเหรียญ
พระผงญาณวิลาศ
หลัง
จากนั้นทางวัดได้สร้างเป็นพิมพ์พระสมเด็จและนางพญามีทั้งหมด ๓ พิมพ์ ๓ สี
คือ สีเหลือง แดงและดำ ด้านหลังปั๊มยันต์และอักขระของหลวงพ่อ เรียกว่า "พระผงญาณวิลาศ" พิมพ์สมเด็จมีสีแดง สีเหลือง สีขาว พิมพ์ใหญ่จะมีขนาดกว้าง ๒.๒ เซ็นติเมตร สูง ๓.๖ เซ็นติเมตร นอกจากนี้ยังมี "พิมพ์คะแนน" ที่มีขนาดเล็กลงมา ทำขึ้นสำหรับคั่นเวลานับจำนวนพิมพ์ใหญ่ได้ครบทุก ๑๐๐ องค์ พระผงรุ่นนี้มีประสบการณ์มากมาย แม้กระทั่งตำรวจพลร่มโดดร่มลงมาแต่ ร่มไม่กาง แต่กลับรอดตายราวปาฏิหาริย์โดยในคอแขวนพระผงญาณวิลาศ ของหลวงพ่อแดงนั้นเอง
เหรียญรุ่นคุกเข่า และ เหรียญสองพี่น้อง(โบสถ์ลั่น)
วัตถุมงคลของท่านยังมีอีกหลายรุ่น เช่น ยุวพุทธิกสมาคม ชลบุรี สร้างรุ่นพิเศษ "ไตรภาคี" เนื้อผงสีแดง พิมพ์พระแก้วมรกต พระพุทธสิหิงค์ และ
พระพุทธชินราช นำมาให้ท่านปลุกเสก , รุ่นวัดเทพธิดา
(หลังโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ) สร้าง ,
เหรียญรุ่นที่มีรูปท่านกับหลวงพ่อเจริญที่เรียกว่า "เหรียญสองพี่น้อง"
ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ ,
เหรียญที่มีรูปท่านเต็มองค์นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าเหรียญ เรียกว่า
"เหรียญคุกเข่า" ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗
พระครูญาณวิลาศหรือหลวงพ่อแดงมรณภาพวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2517 ด้วยโรคชราที่วัดเขาบันไดอิฐ สิริอายุ 96 ปี พรรษาที่ 74 |