[ รายละเอียด ] พระเครื่องดี-ราคาเบา-น่าเก็บ มีอยู่หลายรุ่นมาก แต่ที่ไม่อยากให้นักสะสมเมินเฉย วัตถุมงคลของ 'หลวงพ่อกวย' วัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด
ถึงจะมีอยู่จำนวนมากมายหลายพิมพ์ หรือบางพิมพ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ใช่ของท่าน ต้องใช้วิธีฟังหูไว้หู มั่นใจภูมิรู้ ดูตลาดแวดล้อมว่าเซียนส่วนใหญ่เขาเล่นกันหรือไม่ และสิ่งสำคัญเชื่อสายตาตัวเองเป็นดีที่สุด
อย่าง 'พระสมเด็จฐานสามชั้นหลังพระ สีวลี' เป็นพระที่หลวงพ่อกวยสร้างเอง ผสมเนื้อ และกดพิมพ์ สร้างเมื่อประมาณปีพ.ศ.2514-2515 กดพิมพ์เองที่วัดบ้านแค เป็นการกดแบบทำเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ได้จำนวนมากพอควร และหลวงพ่อกวยปลุกเสกเองทั้งหมด และนำเข้าบรรจุกรุในปีประมาณ พ.ศ.2515
พระทั้งหมดแตกกรุออกมาและก็ขึ้นจากกรุอย่างเป็นทางการโดยวัดโฆษิตาราม เมื่อปี พ.ศ.2539 ด้านหลังเป็นรูปพระสิวลี มีคุณวิเศษสรรพคุณทางด้านโชคลาภอย่างมาก อันจะเห็นได้จากผู้ที่เคยใช้พระรุ่นนี้มาก่อน แต่ยังไม่เผยแพร่มากนัก เพราะพระไปตกอยู่ในมือนักขุดกรุ ที่ให้เช่าเข้ารังใหญ่ทั้งหมด เพิ่งจะมีการนำพระออกจากรัง พระสมเด็จพิมพ์ ฐาน 3 ชั้น หลังเป็นพระสีวลี ซึ่งท่านลบ ถม ทำผง เอง และได้กดเป็นพระสมเด็จหลังพระสีวลีขึ้น พระพิมพ์นี้ท่านปลุกเสกให้เป็นอย่างดี
ยิ่งกว่านั้นยังมีผงพระสมเด็จของแท้ผสมด้วย และผ่านการปลุกเสกจากหลวงพ่อกวย หลายวาระด้วยกัน
'หลวงพ่อกวย ชุติน ธโร' อดีตเจ้าอาวาสวัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เป็นพระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคมรุ่นเก่าอีกรูปหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคกลาง
ชาติภูมิ หลวงพ่อกวย เดิมชื่อ กวย ปั้นสน เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2448 ณ หมู่บ้านบ้านแค หมู่ 9 ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายตุ้ย และนางต่วน เดชมา ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องของบิดามารดา ในช่วงวัยเยาว์มารดาได้นำมาฝากไว้กับหลวงปู่ขวด ณ วัดบ้านแค เพื่อให้เรียนหนังสือ
ครั้นเมื่อครบอายุบวช ได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2467 ณ วัดโบสถ์ ต.โพธิ์งาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท มี พระชัยนาทมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อปา วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เเละพระอาจารย์หริ่ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ชุตินธโร
เมื่อมาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านแค ตอนนั้นหลวงปู่มาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ พระกวยหัดเทศน์เวสสันดรชาดก หลังจากนั้นได้ไปเรียนวิชาแพทย์โบราณกับหมอเขียน เพื่อเรียนวิชารักษาโรคระบาด หรือโรคห่าเเละโรคไข้ทรพิษ
พ.ศ.2472 ได้เดินทางไปเรียนวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคม ตลอดจนวิธีทำเครื่องรางของขลังกับหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี
พ.ศ.2477 ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดหนองแขม ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เพื่อเรียนแพทย์แผนโบราณต่อกับโยมป่วน บ้านหนองแขม และเรียนแพทย์แผนโบราณต่อกับหมอใย บ้านบางน้ำพระ
ในขณะที่พักจำพรรษาที่วัดหนองแขม ได้มีพระภิกษุชื่อ แจ่ม เดินทางท่องเที่ยว ไปพบตำราเป็นสมุดข่อยอยู่ในโพรงไม้ แต่เอามาไม่ได้ จึงได้มาชักชวนพระกวยให้ไปดู ปรากฏว่ามีตำราอยู่โพรงไม้จริง มีรอยคนเอาพวงมาลัยดอกไม้ ธูปเทียนมาบูชาใต้โคนไม้
พระภิกษุกวยจึงได้จุดธูปบอกเล่าและอธิษฐานว่า 'ถ้าหากว่าท่านจะให้ตำรานี้แก่ข้าพเจ้าเอาไปเก็บรักษาไว้ ข้าพเจ้าจะนำเอาตำรานี้ไปทำประโยชน์แก่วัดและช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น' ก่อนอัญเชิญตำรานั้นมาเก็บไว้
ครั้งหนึ่ง ท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดบางตาหงาย อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ได้มาเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ได้เรียนวิชาทำแหวนแขน, ตะกรุด, มีดหมอ และอื่นๆ ศิษย์ร่วมรุ่นของหลวงพ่อที่เป็นที่รู้จักกัน คือ หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู อ.บรรพตพิสัย
ต่อมาเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลวงพ่อกลับมาอยู่วัดบ้านแค หลวงพ่อได้สักให้ศิษย์ มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ขนาดสักกันทั้งกลางวันกลางคืน ในช่วงนั้น ข้าวยากหมากเเพง โจรร้ายเต็มบ้านเมือง โดยเฉพาะเเถบภาคกลางตอนล่าง นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี เป็นเเหล่งกบดานของโจรเสือร้ายหลายกลุ่ม ชาวบ้านเเคได้อาศัยบารมี หลวงพ่อกวย เพื่อคุ้มครองครอบครัวเเละทรัพย์สินของมีค่าต่างๆ ก็จะเอามาฝากหลวงพ่อที่วัด
จากคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ที่บ้านเเค เล่าว่า พวกโจรเสือไม่มีใครกล้ามาลองดีกับหลวงพ่อกวย มีอยู่รายหนึ่งเป็นเสือมาจากอ่างทอง พาสมุนล้อมวัดบ้านเเคตอนกลางคืน เห็นว่าวัวควายของชาวบ้านที่ลานวัดมีเยอะมาก เเต่ก็โดนตะพดหลวงพ่อจนต้องรีบพาสมุนกลับเเละก็ไม่มาเเถวบ้านเเคอีกเลย เขาว่าในสมัยนั้น เมื่อโจรเสือเดินผ่านวัดหลวงพ่อ ต้องยิงปืนถวายทุกครั้ง
หลวงพ่อกวยไม่ชอบการก่อสร้าง ชอบความเป็นอยู่สมถะ แม้กุฏิของหลวงพ่อก็เป็นไม้ทรงไทยโบราณ แต่การก่อสร้างนั้นหลวงพ่อยกหน้าที่ให้กรรมการวัด แม้การก่อสร้างก็ให้กรรมการวัดและชาวบ้านทำ ดังนั้น วัดบ้านแคจึงมีแต่กุฏิเก่าๆ
ลำดับสมณศักดิ์ วันที่ 5 ธันวาคม 2511 หลวงพ่อกวยได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน
ก่อนหน้านี้ ในปีพ.ศ.2521 หลวงพ่อกวยได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท หมอได้วินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคขาดอาหารมาเป็นเวลา 30 ปี แพทย์ได้ให้สารอาหารประเภทโปรตีนกับหลวงพ่อ เป็นเวลาถึง 1 เดือน ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย อยู่โรงพยาบาลได้ไม่นาน ท่านก็กลับวัด เมื่อกลับวัดหลวงพ่อก็ยังฉันอาหารเพียงวันละ 1 ครั้ง เช่นเดิม อีกทั้งยังคงคร่ำเคร่งในการสร้างและปลุกเสกวัตถุมงคล
หลวงพ่อกวยมรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2522 สิริอายุ 74 พรรษา 54
ปัจจุบัน วัดโฆสิตาราม เเละบรรดาศิษย์หลวงพ่อกวย ได้ยึดถือเอาวันที่ 12 เมษายนของทุกปี เป็นวันทำบุญประจำปี เพื่ออุทิศและรำลึกถึงหลวงพ่อกวย
หากนักสะสมท่านใด อยากได้พระสมเด็จแท้ๆ ของหลวงพ่อกวย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหน่อเนื้อเชื้อสมเด็จ ไว้บูชาสักองค์สององค์หรืออยากหาพระหลวงพ่อกวยแท้ๆ ที่ราคาไม่แพงนัก เก็บรักษาไว้ให้ลูกหลาน เพราะต่อไป จะหาพระแท้ ที่หลวงพ่อกวยปลุกเสกไว้จริง และเสกเป็นเวลายาวนานอย่างนี้ยากขึ้นทุกที
หรือท่านอยากจะได้พระสมเด็จที่มีพุทธคุณสูง อำนวยความเจริญ รุ่งเรืองแก่ผู้บูชา ทำให้ค้าขายขึ้น ประกอบกิจการงานใดๆ ก็เจริญรุ่งเรือง เป็นเมตตา มหาลาภ แก่คนทั่วไป อยากจะแนะนำให้ท่านรีบหาพระสมเด็จของหลวงพ่อกวย พิมพ์หลังพระสีวลี ไว้บูชากัน
จุดสังเกตในพระสมเด็จพิมพ์นี้ของหลวงพ่อกวย เผื่อท่านไปพบเจอที่ไหน จะได้ดูได้ว่าเป็นพระรุ่นที่หลวงพ่อทำหรือไม่ คือ เนื้อพระส่วนใหญ่ จะเป็นเนื้อผงผสมน้ำมันตั้งอิ้ว ที่เป็นเนื้อผงใบลานจัดๆ และเนื้อผงอิทธิเจนั้นมีน้อย ซึ่งผ่านมาถึงปัจจุบันตกหลายสิบปีแล้ว พระจึงแห้งผาก แลดูแกร่ง และบางองค์ก็ปรากฏคราบกรุให้เห็น พิมพ์ทรง คมชัด เนื้อแกร่ง เก่า ได้อายุ หลายองค์ มีรอยเนื้อปลิ้น เนื้อเกิน ของการกดพระให้เห็น จึงตัดปัญหาเรื่องของเก๊ ของปลอม ของทำเสริมออกไปได้
เนื่องจากเป็นการกดพิมพ์คันโยก พระส่วนใหญ่ จะมีเนื้อเกิน เนื้อล้น ไม่ด้านหน้าพระ ก็ด้านหลังพระ มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่แรงกดพระ
ทั้งพระพิมพ์เอวเล็กและเอวใหญ่ องค์พระด้านหน้า บริเวณข้อพระหัตถ์ข้างซ้ายมือองค์พระ จะปรากฏเส้นปลายจีวร ในพิมพ์ ที่เซียนพระสายหลวงพ่อกวย เรียกว่า มีกำไล ทุกองค์ และเห็นชัดเจน ในองค์ที่สวย สภาพเดิม คล้ายเป็นอุบายธรรม ที่หลวงพ่อกวยท่านแสดงให้เห็นว่า ท่านปลุกเสกพระพิมพ์นี้ ให้มีพุทธคุณด้านโภคทรัพย์สูง ทำมาหากินดี มากที่สุด มีกำไร ไม่มีขาดทุน และพระสีวลีด้านหลัง ทั้งพิมพ์เอวเล็กและเอวใหญ่ จะมีขอบสองขอบ และอักขระ นะชาลิติ ปรากฏอยู่สี่มุม เป็นพระที่หลวงพ่อกวยสร้างโดยแท้
คาถาบูชาพระสิวลี (หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท)
สีวะลี จะ มะหาเถโร ปัจจะยะลาภะปูชิโต มะนุสโสเทวะตาอินโท
พรมมายะโม ยักขาวา ปิตัสสะ นิรันตะรัง ปะนะ ลาภะ สักการเรอาเน็นติ
นิจจัง สิวะลิดเถรัสสะลาโภจะ สักกาโร โหติ สีวะลีมะหาเถรันจะปูชะกัสสะ
สะทาวาปิ คาถันจะ สังวัดตะนัสสะลาโภจะ สักกาโรโหติเถรัสสะ อานุภาเวนะ
ลาโภเมโหตุสัพพะทาเอเตนะ สัจจะวัดเชนะ ลาโภเมโหตุ สัพพะทาฯ
คำอาราธนาพระสิวลี
สีวลี จะ มะหาเถโร เทวะตา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ
สีวลี จะ มะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง
วันทามิ สัพพะทา สีวลี เถรัสสะ เอตัง คุณัง สวัสติลาภัง ภะวันตุ เมฯ --------------------------------------
พระคาถาบูชาทั้ง 2 บท คอยบูชาสวดเป็นกิจวัตร ประจำวัน
จะเกิดลาภซื้อง่ายขายคล่อง จะดีขึ้นทุกๆวัน |