วัตถุมงคล: พระเครื่องเกจิอาจารย์ยอดนิยมภาคเหนือ
สมเด็จหลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู ออกวัดเขาหนองตะเคียน ปี 35 04-06-2556 เข้าชม : 22275 ครั้ง |
| [ ชื่อพระ ] สมเด็จหลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู ออกวัดเขาหนองตะเคียน ปี 35 | [ รายละเอียด ] ในวันที่ทำการตัดหวายลูกนิมิต หลวงปู่ได้เดินทางไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดเขาหนองตะเคียน ได้สร้างศาลาการเปรียญและปรับปรุงพัฒนาวัดขึ้น จากเดิมมีกระต๊อบหลังเดียว ท่านได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดหนองตะเคียน เป็นเวลา ๒ พรรษา จากนั้นญาติโยมชาวบ้านมาบมะขาม ได้มานิมนต์ให้ไปอยู่จำพรรษาวัดสี่แพ่ง จากนั้นท่านจึงได้ลงจากเขาหนองตะเคียน ไปอยู่วัดสี่แพ่ง และได้ร่วมกับพระครูวุฒิวรคุณ(หลวงพ่อวุฒิ) วัดเจริญผล พร้อมด้วยชาวบ้าน ช่วยกันพัฒนาวัดสี่แพ่ง ท่านได้จำพรรษา ณ วัดสี่แพ่ง ๑ พรรษา จึงได้กลับวัดหนองตางู
ท่านเริ่มมีกิจนิมนต์มากขึ้น เหตุเพราะท่านมีความเมตตาต่อลูกศิษย์ลูกหา โดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ จึงทำให้ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง พ่อค้า ประชาชน โดยเฉพาะอย่างศิลปินดารา นักร้อง ตลก ต่างก็มาขอพรจากท่านอยู่เสมอ ได้มาบวชอยู่จำพรรษาวัดหนองตางูหลายท่าน และท่านเริ่มโหมงานมากขึ้น ถึงขั้นต้องฉันภัตตาหารบนรถก็มี เพราะกลัวว่าจะไปตามที่รับนิมนต์ไว้ไม่ทัน
และเมื่อมีเวลาว่างก็จะไปช่วยบูรณะปฏิสังขรณ์วัดอื่น ๆ ตามที่มีมาขอความอนุเคราะห์หลายวัดด้วยกัน จนกระทั่งร่างกายทรุดโทรมมาก ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ศิษยานุศิษย์ต่างขอร้องให้หยุดพักผ่อน แต่ท่านไม่ยอม ท่านว่า เขามาขอความช่วยเหลือ เราก็ควรอนุเคราะห์แก่เขา ไม่ว่าจะมานิมนต์ไหน หลวงปู่ท่านไปทุกที่ ไม่ว่าไกลหรือกันดารเพียงใด ไม่ว่างานเล็กงานใหญ่ หากมีเวลาว่างท่านจะรับไว้ทันที
จากนั้นท่านเริ่มมีอาการปวดท้องบ่อยขึ้น และเริ่มรุนแรงขึ้น จนกระทั่งวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๑ ต้องเข้ารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลเปาโล กรุงเทพ ฯ แพทย์ผู้ทำการรักษาวินิจฉัยว่า เป็นมะเร็งในถุงน้ำดี จำเป็นต้องผ่าตัด ถ้าไม่ผ่า มีโอกาสรอดเพียง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ลูกศิษย์ลูกหาต่างไม่อยากให้ผ่าตัด เพราะท่านอายุมากแล้ว และเสี่ยงมากไป จึงได้เข้าปรึกษากับหลวงปู่ หลวงปู่ท่านจึงว่า ไม่เป็นไรหรอก อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ดีเสียอีก หากผ่าตัด หมอและพยาบาลจะได้มาศึกษาหาความรู้จากเราว่า โรคนี้ อายุขนาดนี้ ควรทำอย่างไร
ในขณะนั้นทุกคนที่มาเฝ้าปรนนิบัติต่างร้องไห้ เพราะคำพูดของท่าน และกลัวว่าหลังจากผ่าตัด อาการของท่านจะทรุดมากขึ้น วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๔๑ พยาบาลขึ้นมารับพาไปยังห้องผ่าตัด ทำการผ่าตัด ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง เสร็จแล้วกลับห้องพักด้วยความปลอดภัย แพทย์ผู้รักษาเข้ามารายงานผลการผ่าตัดว่า หลังจากผ่าตัดแล้ว พบว่า มะเร็งไม่ได้อยู่ในถุงน้ำดีที่เดียว แต่มันได้กระจายออกไปจนทั่วช่องท้องแล้ว จึงทำอะไรไม่ได้ นอกจากช่วยรักษาตามอาการ และท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อีกประมาณ ๘ เดือน
พวกเราทุกคนที่ทราบข่าว ต่างเสียใจกันมาก แต่หลวงปู่กลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านใด ๆ เลย ตรงกันข้ามกลับให้กำลังใจกับทุกคน คอยพูดให้คลายความโศกเศร้า ท่านอยู่โรงพยาบาลประมาณ ๑ เดือน อาการเริ่มดีขึ้น แพทย์จึงอนุญาตให้กลับได้ พอกลับวัดก็ไม่ยอมพักผ่อน ยังคงออกรับแขก พูดคุยกับญาติโยมที่มากราบนมัสการเหมือนเดิม และช่วงไหนไม่มีแขกมา ก็จะออกเดินตรวจวัด ห้ามอย่างไรก็ไม่ยอม จากนั้นอาการได้กำเริบขึ้นอีก จึงขอให้ท่านกลับเข้ารักษาตัวอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลเปาโล ใช้เวลาประมาณ ๑๕ วัน อาการดีขึ้นมาก และท่านยังคงออกรับแขกเหมือนเดิม
แต่ด้วยความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งนี่เอง กลับทำให้ร่างกายซูบผอมลง และมีอาการปวดท้องรุนแรงขึ้นอีก จึงได้นำท่านเข้ารักษาตัว ณ โรงพยาบาลปากน้ำโพ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงช่วยบรรเทาอาการไม่ให้หนักขึ้นกว่าเดิม ท่านเริ่มเบื่ออาหาร ฉันอาหารน้อยลง มื้อละ ๓ คำบ้าง ๕ คำบ้าง แพทย์ต้องให้อาหารเสริม สลับกับการให้เลือด
พออาการเริ่มดีขึ้นบ้าง ก็จะกลับวัดให้ได้ ท่านว่า เป็นห่วงวัด กลัวจะไม่มีใครดูแล แต่ลูกศิษย์ลูกหาขอให้ท่านอยู่ดูอาการก่อน และในขณะที่ยังมีอาการอาพาธอยู่นั้น ก็ไม่ยอมหยุดงาน ได้สั่งให้ดำเนินการก่อสร้างต่อเติมศาลาการเปรียญออกไปอีก เวลามีญาติโยมมาจะได้มีที่พักเพียงพอ และสั่งให้สร้างกุฏิขึ้นที่วัดเขาหนองตะเคียน ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าทำได้ไม่ดี กลัวไม่เสร็จ ท่านจึงออกจากโรงพยาบาลขึ้นไปอยู่ วัดเขาหนองตะเคียน เพื่อดูแลการก่อสร้าง
ช่วงนี้ท่านเริ่มไม่มีแรง ต้องนั่งรถเข็นออกตรวจงาน แม้ฝนตกแดดออกก็ไม่ยอมเข้าห้อง พองานดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงกลับวัดหนองตางู อาการดีบ้าง ทรุดบ้าง ท่านเริ่มไม่ฉันอาหาร เสียงพูดไม่ค่อยได้ยิน จึงกลับเข้ารักษาตัวอีกครั้ง ประมาณ ๑๔ วัน กลับวัดในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๑ กลับมาครั้งนี้ท่านไม่ฉันอาหาร ไม่พูด ไม่ค่อยขยับตัว แต่ยังคงให้ญาติโยมเข้าเยี่ยมอยู่ แม้กระทั่งเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ยังมาเคาะประตูขอเข้ากราบนมัสการ และในวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๔๑ เวลาประมาณ ๒๓.๓๐ น. ท่านเริ่มหายใจช้าลง ชีพจรเต้นช้าลง เบาลง จนกระทั่งเวลา ๐๒.๓๖ น. ของวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๑ ท่านได้มรณภาพด้วยอาการสงบ
วัตถุมงคล หลวงปู่พิมพา ท่านเป็นพระนักพัฒนาในสายตาของคนทั่วไป มีคนไม่มากนักที่รู้ว่าท่านเป็นพระเถระที่ทรงคุณในด้านวิปัสนาธุระ มีความรู้ความสามารถในการปลุกเสก ลงอักขระเลขยันต์ในวัตถุมงคลต่าง ๆ เพราะท่านเป็นพระที่พูดน้อย มักน้อย สมถะ รักสันโดษ ดังนั้น วัตถุมงคลของท่านในระยะแรก ๆ จึงมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกตะกรุด และผ้ายันต์ ที่ท่านลงด้วยตนเอง ท่านทำใหเฉพาะคนที่เขาต้องการ มาขอจากท่าน นำผ้า นำแผ่นตะกั่ว แผ่นทองเหลือง ทองแดง มาตัดเป็นผืนทิ้งไว้ให้ท่าน ท่านก็จะนัดให้มาเอาในภายหลัง เมื่อท่านลงอักขระเลขยันต์ และปลุกเสกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่ได้รับไปต่างก็พบกับอภินิหารด้านปกป้องคุ้มครองภัยจากอาวุธ เขี้ยวงา อุบัติเหตุ ภูตผีปีศาจ คุณไสย์ ฯลฯ และยังมีเมตตามหานิยม อุดมลาภผลอีกด้วย ดังนั้น ใครมีไว้ก็จะหวงแหนมาก ไม่ยอมให้ใคร คงเก็บไว้เป็นสมบัติตกทอดไปยังลูกหลานของตนเท่านั้น
ท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลที่แพร่หลายอย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ในขณะที่ท่านมีอายุได้ ๖๘ ปี ด้วยการออกรูปหล่อเหมือนองค์ท่าน แม้จะสั่งปั๊มมาจากโรงงานก็จริง แต่ท่านก็ได้ลงอักขระเลขยันต์ในแผ่นทองคำ เงิน และทองแดง นำไปเป็นส่วนผสม นับเป็นรูปหล่อรุ่นแรกของท่าน มีลักษณะเป็นรูปท่านนั่งสมาธิ ห่มจีวรเปิดไหล่ขวา มีผ้าสังฆาฎิพาด ด้านหน้าเขียนว่า หลวงพ่อพิมพา ด้านหลังเขียนว่า พ.ศ. ๒๕๒๐ รุ่นที่ ๑ จำนวนการสร้างไม่มากนัก ไม่เกิน ๓,๐๐๐ องค์ ผู้ที่ได้รับส่วนมากจะเป็นลูกศิษย์ในพื้นที่ ไม่ค่อยแพร่หลายออกไปข้างนอก
พุทธคุณที่ผู้นำไปใช้ โดยเฉพาะตำรวจ ทหาร ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า รูปหล่อของท่านนั้น ป้องกันอาวุธปืนได้ชะงัดนัก มีประสบการณ์ทั้งด้านมหาอุด และคงกระพัน นอกจากนั้นยังมีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม อุดมโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัยจากอุบัตเหตุอีกด้วย จึงทำให้รูปหล่อรุ่นแรกของท่านนี้ ได้รับความนิยมอย่างมาก หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันสนนราคาในการเช่าหา อยู่ในหลักพันปลาย ถ้าสวย ๆ อาจจะมีคนสู้ราคาถึงหมื่นบาท แต่ก็หาของไม่ค่อยได้ ราคาจึงไม่เคลื่อนไหวสูงไปกว่านี้
หลังจากรูปหล่อรุ่นแรกหมดไป ท่านก็ได้สร้างรูปหล่ออีกหลายรุ่น เช่น รุ่นไร้สังฆาฏิ มีลักษณะท่านนั่งสมาธิ ห่มจีวรเปิดไหล่ขวา แต่ไม่มีผ้าสังฆาฏิพาด ด้านหน้าเขียนว่า หลวงพ่อพิมพา ด้านหลังเขียนว่า วัดหนองตางู จ.นครสวรรค์ ถือเป็นรุ่นที่สอง ออกในปี ๒๕๒๒
รูปหล่อรุ่นที่ ๓ เป็นรูปหล่อของท่านที่ลูกศิษย์ขนานนามว่า รุ่นห่มคลุม คือ ท่านห่มจีวรคลุมไหล่ทั้งสอง เหมือนกับพระสงฆ์ที่ออกเดินทางไปนอกวัด ตามพุทธบัญญัติต้องห่มคลุม ด้านหน้าเขียนว่า หลวงปู่พิมพา ด้านหลังมีอักขระเลขยันต์ และเขียนว่า เสาร์ ๕ ออกในปี ๒๕๒๓
นอกจากนั้นก็มีรูปหล่อรุ่นสรงน้ำ ปี ๒๕๒๖, ๒๕๒๗, ๒๕๓๔, ๒๕๓๘, ๒๕๔๐ ฯลฯ เรียกว่า ออกมาอีกหลายรุ่น เนื่องจากเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมสูง และแพร่กระจายออกไปนอกพื้นที่ โดยเฉพาะพวกดารานักร้อง นักแสดง นักการเมือง ตำรวจ ทหาร พ่อค้า แม่ค้า ฯลฯ นิยมกันมาก ทำให้ท่านสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ เสร็จสิ้นภายใน ๓ ปี เท่านั้น (๒๕๒๖ ถึง ๒๕๒๙)
ในการรื้อถอนพระอุโบสถหลังเก่า เพื่อสร้างใหม่ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้ค้นพบพระสมเด็จพิมพ์ทรงเจดีย์ ปิดทองมาแต่ในกรุ จำนวนหนึ่ง เป็นพระสมเด็จที่หลวงปู่พิมพาสร้างและบรรจุกรุเอาไว้ เมื่อตอนสร้างพระอุโบสถหลังแรก เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ มีทั้งพิมพ์เล็ก และพิมพ์ใหญ่ บางองค์ก็มีสนิมบาตร เนื่องจากบรรจุพระไว้ในบาตรเหล็ก เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ไม่นานนักพระสมเด็จกรุโบสถ์เก่า ก็หมดลง ทำให้หลวงปู่ต้องสร้างพระสมเด็จฝังพลอย เนื้อกระเบื้องโบสถ์ ออกมาแจกจ่ายเป็นการทดแทน สำหรับผู้ที่อยากได้พระสมเด็จของท่าน จากนั้นมาท่านก็ได้สร้างพระสมเด็จออกมาอีกหลายรุ่น เช่น สมเด็จเกสา ปี ๒๕๓๔, สมเด็จหลังรูปเหมือน ปี ๒๕๓๘, สมเด็จวาจาสิทธิ์ ปลอดภัย, สมเด็จไตรมาส, สมเด็จเกิดใหม่, สมเด็จรวงข้าว ฯลฯ ส่วนมากด้านหลังจะเป็นรูปเหมือนของท่าน
นอกจากรูปหล่อเหมือน พระสมเด็จ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง สร้างหลายครั้งหลายคราแล้ว ท่านยังได้สร้างพระนางพญา เนื้อผงพุทธคุณ, พระปิดตาเงินล้าน เนื้อผงพุทธคุณ ขึ้นมาแจกจ่าย นับเป็นการสร้างเพียงครั้งเดียว รุ่นเดียว ดังนั้น ใครมีพระปิดตา พระนางพญาของท่าน มักจะไม่ยอมให้ใคร ทำให้พระปิดตา พระนางพญา ซึ่งถือว่าเป็นของดีมีน้อย มีสนนราคาในการเช่าหาหลักพันกลาง ซึ่งถือว่า เป็นพระใหม่ ที่มีค่านิยมสูงอีกรุ่นหนึ่ง
นอกจากพระเนื้อผงพุทธคุณแล้ว ท่านยังได้สร้างเหรียญรูปเหมือนหลายรุ่น เหรียญรุ่นแรกของท่านออกเมื่อปี ๒๕๐๖ เป็นรูปเสมา หาได้ยากมากในปัจจุบัน, ล็อกเก็ต หลายรุ่น, และยังมีวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางของขลังอีกหลายชนิด ได้แก่ ลูกอมเนื้อชานหมาก สิงห์แกะจากงาช้าง, รูปกระจก, ธนบัตรขวัญถุง, มีดหมอ, สร้อยประคำ ตะกรุด, แหวน, สีผึ้ง และผ้ายันต์ต่าง ๆ มากมายหลายรุ่น ซึ่งวัตถุมงคลทุกอย่างของท่านนั้น หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว เพราะท่านสร้างจำนวนจำกัด สร้างเท่าที่ต้องการเงินมาใช้ในการสร้างโรงเรียน, สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลา และเสนาสนะต่าง ๆ
วัตถุมงคลของท่าน พวกพระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ ท่านจะสร้างเอง กดพิมพ์เองในวัด และวัตถุมงคลของท่าน จะไม่มีการนำไปจำหน่ายที่อื่น เช่น ตามศูนย์พระเครื่องต่าง ๆ ท่านไม่มีตัวแทน นอกเสียจากว่า ศูนย์พระเครื่องเหล่านั้น บูชาไปจากวัด แล้วนำไปให้ลูกค้าบูชาต่อเท่านั้น หลวงปู่พิมพา เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เมื่อท่านละสังขาร สรีระของท่านจึงไม่เน่าเปื่อย ไม่ซูบซีด เหี่ยวแห้ง ยังคงสภาพปกติเหมือนท่านยังมีชีวิตอยู่ เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก ใครมีโอกาสผ่านไปแถวนั้น ก็น่าจะลองแวะเข้าไปนมัสการสรีระของท่าน ที่ทางวัดบรรจุเอาไว้ในโลงแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคล | [ ราคา ] ฿600 [ สถานะ ] ขายแล้ว
[ติดต่อเจ้าของร้านเจ้าพระยาพระเครื่อง] เบอร์โทรศัพท์ : 081-6414009,029243140 ( อ้น ระโนด ) line ID weerapong07 | |
|
วัตถุมงคล: พระเครื่องเกจิอาจารย์ยอดนิยมภาคเหนือ |
| |
|