วัตถุมงคล: พระเครื่องเกจิอาจารย์สายภาคใต้
พระผงผสมข้าวก้นบาตร หลวงปู่บุญมา ปภากโร วัดถ้ำโพงพาง)ชุมพร ปี 2558 12-04-2561 เข้าชม : 3382 ครั้ง |
| [ ชื่อพระ ] พระผงผสมข้าวก้นบาตร หลวงปู่บุญมา ปภากโร วัดถ้ำโพงพาง)ชุมพร ปี 2558 | [ รายละเอียด ] พระผงผสมข้าวก้นบาตร หลวงปู่บุญมา ปภากโร วัด สุวรรณคูหาวารีวง (วัดถ้ำโพงพาง) ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร ออกให้บูชาประมาณปี ๒๕๕๘ เป็นอีกหนึ่ง ของดีราคาเยาว์ หลวงพ่อบุญมาท่านเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกับหลวงพ่อสงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย หลวงพ่อบุญมานี้ท่านเป็นพระเกจิที่มีพลังจิตสูงอีกรูปหนึ่ง มีคนเคยเห็นท่านจารตะกรุด แล้ว ให้ตะกรุดม้วนเองได้มาแล้ว ประสบการณ์ยิงไม่ออกละคราฟ หลวงพ่อบุญมา ท่านเป็นเกจิที่เมตตามากๆ ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่กล่าวขานว่าดีทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี คุ้มครองป้องกันภัย ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
ในด้านวิชาอาคมท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่สงฆ์ และไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน ส่วนการสร้างวัตถุมงคล เริ่มครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๒ ที่สร้างชื่อเสียงและได้รับความนิยม อาทิ เสือหล่อกวัก,เหรียญเสมารุ่นแรก ,รูปเหมือน ฯลฯ วัตถุมงคลของท่านกล่าวขานว่า ดีทางคุ้มครองป้องกันภัย โดยเฉพาะในหมู่ชาวเล ต่างเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ เพราะช่วยให้รอดชีวิตกันมาจำนวนมาก
เหรียญท่านมีแต่คนตามเก็บ พระรุ่นนี้เนื้อทองแดงสร้าง ๒,๐๐๐ เหรียญ ทองแดงชุบนิเกิ้ล แค่ ๑,๐๐๐ เหรียญ ออกในปี ๒๕๓๘ ประสบการณ์มากมาย สร้างน้อยหายาก ส่วนพระผงผสมข้าวก้นบาตรของท่าน ก็จัดเป็นอีกหนึ่งของดีราคา เยาว์ แต่พบเห็นน้อย หายากน่าเก็บน่าใช้อีกละคราฟ
********************************************************************************************************************************
หลวงปู่บุญมา ปภากโร เป็นพระอริยสงฆ์ที่มีความสมถะ มักน้อย พูดน้อย ถ่อมตน มีความเมตตาธรรมสูง เป็นผู้มีแต่ให้ จนได้รับสมญานามว่า เทพเจ้าแห่งความเมตตา
หลวงปู่บุญมา ปภากโร พื้นเพท่านเป็นชาวเมืองตรัง หมู่ที่ ๔ ต.นาบินหลา อ.เมือง ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ธ.ค. ๒๔๖๙ ตรงกับปีขาล ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑ (เดือนอ้าย) อัฏฐศก จ.ศ.๑๒๘๘ ร.ศ.๑๔๕ อธิกมาส (๘ สองหน) โยมบิดาชื่อนายเฉจวน โยมมารดาชื่อนางพริ้ง นามสกุล คงคูณ เมื่ออายุ ๑๕ ปีได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใกล้บ้าน และได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่อง ๕ ปี จนกระทั่งได้เข้าสอบธรรมสนามหลวงในระดับนักธรรมตรี,โท และเอก ตามลำดับ ในขณะบวชเณรได้ ๕ พรรษา มีอายุครบ ๒๐ บริบูรณ์ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร และจับได้ใบดำต้องรับราชการทหารอยู่ ๒ ปี หลังปลดประจำการได้ครองเรือนตามวิสัยฆราวาส จนมีอายุได้ ๒๕ ปี จึงอุปสมบทที่วัดปากจ่า ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อปีพ.ศ.๒๔๙๔
พระครูพิทักษ์ธรรมคุณ (เลี่ยน จันทสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พร้อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คล้าว กตปุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า ปภากโร มีความหมายว่า ผู้ทำแสงสว่างให้เจิดจ้า หลังจากนั้นได้เน้นร่ำเรียนทางกรรมฐานทั้งสมถะ และวิปัสสนาโดยตรง จนเข้าพรรษาที่ ๘ ในขณะมีอายุได้ ๓๓ ปี ไปศึกษาวิชาวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุ ได้เริ่มออกธุดงค์ติดตาม พระอาจารย์แป้น ธรรมสโร จนวิชาเก่งกล้า จึงได้ออกธุดงค์เพียงรูปเดียวไปทั่วประเทศ และไป พม่า ลาว เขมร ไปตามจังหวัดต่างๆ ในช่วงที่ท่านธุดงค์ไปที่เขาชัยสน จ.พัทลุง ในคืนหนึ่งขณะนั่งสมาธิได้นิมิตเห็น ในบริเวณป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่งนี้มีเหวลึก ในเหวนั้นมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเจดีย์อยู่ รุ่งเช้าท่านจึงเดินทางไปดูตามนิมิตก็เห็นเป็นจริงตามนั้น อีกครั้งหนึ่งหลังจากท่านนั่งสมาธิตามปกติ เมื่อจิตหยั่งลงสู้สมาธิเป็น เอกจิตแล้ว ท่านได้เห็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เสด็จมาหา โดยพระองค์ได้ตรัสกับท่านว่า ท่านบุญมามาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่รู้อะไรดอกหรือ ท่านได้ถวายพระพรถามไปว่า มหาบพิตรมีอะไรดี ก็ขอบอกแก่อาตมาบ้าง พระองค์ตรัสว่า ถ้าอย่างนั้นก็คอยจดจำไว้ให้ดี ฉันจะบอกให้ คาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้ใช้มาตั้งแต่ยังผนวชเป็นพระภิกษุอยู่ ในนิมิตนั้น ท่านได้เห็นแผ่นป้ายหินชนวนขนาดใหญ่สีดำ รัชกาลที่ ๔ ได้เขียนพระคาถาให้ท่องจำซึ่งมีทั้งหมด ๑๑ พระคาถามีชื่อว่า รัตตนัตตะยะปะภาวาภิยา จะนะคาถา พระองค์ทรงใช้มาตั้งแต่ครั้งผนวชอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และเมื่อทรงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิวเศ ก็ทรงใช้เจริญภาวนามาจนถึงวันที่ทรงลาผนวชออกมาครองราชย์ และใช้ภาวนาสวดมนต์จนถึงวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
หลวงปู่บุญมา ธุดงค์จนถึงปี พ.ศ.๒๕๐๖ จนมาถึงวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร ได้พบกับ หลวงปู่สงฆ์ และสนทนาธรรมจนเลื่อมใส ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลังจากนั้นได้ไปจำพรรษาที่วัดถ้ำโพงพาง ซึ่งเป็นวัดร้าง แต่มีลักษณะที่ดี คือด้านหน้าเป็นทะเล ด้านหลังเป็นภูเขา เหมาะแก่การวิปัสสนากรรมฐาน มีถ้ำอยู่ ๒ ถ้ำ จึงได้พัฒนาเป็นวัดถ้ำโพงพาง จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งวัดถ้ำโพงพาง หาดทรายรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งภายในอ.เมือง จ.ชุมพร โดยมีสถานที่สำคัญ ๓ แห่งคือ ศาลเจ้าพ่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์,สวนพระตำหนักกรมหลวงชุมพรฯ และวัดถ้ำโพงพาง (วัดสุวรรณคูหาวารีวงศ์) ซึ่งผู้ที่สร้างวัดนี้คือ หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร อดีตเกจิอาจารย์ดังแห่งวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ทั้งนี้ หลวงปู่บุญมาท่านได้ยึดพระคาถาของรัชกาลที่ 4 มาเป็นแนวปฏิบัติควบคู่ไปกับปฏิปทาของพระอาจารย์คือ หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาขอประชาชนชาวเมืองชุมพร และภาคใต้หลายจังหวัด
ท่าน มีชื่อเสียงทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี ค้าขายร่ำรวย จนเป็นที่ประจักษ์มานาน โดยเฉพาะเหรียญเสมารุ่นแรก ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๗ และในปี พ.ศ.๒๕๔๙ หลวงปู่บุญมา ได้สร้างเหรียญทรงรูปเสือขึ้นมาอีกรุ่น ซึ่งรุ่นนี้มีบุญบารมีด้านอยู่ยงคงกระพัน ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ หลวงปู่บุญมาเป็นผู้จัดสร้างและทำพิธีปลุกเสกด้วยตนเอง ปัจจุบันมีราคาเช่าสูงหลายแสนบาท เป็นผู้ที่ฉันอาหารเจมาตลอดชีวิต จนกระทั่งมรณภาพในเช้าวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๑ เมื่อเวลาประมาณ ๑๐.๒๙ น.ที่วัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร ด้วยโรคชรา รวมสิริอายุได้ ๙๑ ปี ๑๖ วัน ๖๗ พรรษา | [ ราคา ] โทรถาม [ สถานะ ] โชว์พระ
[ติดต่อเจ้าของร้านเกจิน้อย พระเครื่องออนไลน์ ] เบอร์โทรศัพท์ : 081-4070684 | |
|