วัตถุมงคล: พระเครื่องเกจิอาจารย์สายภาคกลาง
เหรียญหลวงพ่อโม วัดคลองสวน ปี 2520 09-05-2560 เข้าชม : 5956 ครั้ง |
| [ ชื่อพระ ] เหรียญหลวงพ่อโม วัดคลองสวน ปี 2520 | [ รายละเอียด ] เหรียญหลวงพ่อโม วัดคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ปี 2520 เนื้อทองแดงรมน้ำตาลแดง หลวงพ่อครึ้ม สุลโภ วัดคลองสวน หลวงพ่อครื้ม ศิษย์เอกหลวงพ่อดิ่ง สร้างและปลุกเสกในปี 2520 หลวงพ่อโมท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดคลองสวน อาจารย์ครึ้มท่านสร้างเป็นที่ระลึกครบรอบวันมรณภาพหลวงพ่อโม ด้านหน้าเหรียญรูปหลวงพ่อโมนั่งสมาธิเต็มองค์ มีเส้นฝนวงเดือน เขียนหลวงพ่อโม ธมมสาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองสอน (ช่างแกะชื่อวัดผิดเขียนว่าวัดคลองสอน) ด้านหลังยันต์ 23 กันยายน 2520 และด้านหลังมักจะมีผดหรือขี้กลากที่พื้นผิวเหรียญระจายทั่วไป อนึ่งในการจัดสร้างเหรียญหลวงพ่อโมนั้น หลวงพ่อครึ้มได้ระลึกถึงคุณความดีงามของอดีตเจ้าอาวาสวัดคลองสวนองค์แรกนั่นคือหลวงพ่อโม และการที่หลวงพ่อครึ้มจะสร้างเหรียญรูปท่านก่อน ถือเป็นการไม่ควรกระทำ ท่านจึงจัดสร้างเหรียญหลวงพ่อโมขึ้น ถือเป็นเหรียญเกจิอาจารย์ที่มีมาเหรียญแรกในวัดคลองสวน ต่อจากการจัดสร้างเหรียญรูปพระพุทธคือเหรียญหลวงพ่อศิริชัยที่สร้างในปีพ.ศ.2507 และเหรียญหลวงพ่อสุริศักดิ์เรืองศรี ปี 2517 และต่อจากนั้นท่านจึงได้จัดสร้างเหรียญที่เป็นใบหน้าท่าน(เหรียญหน้ายักษ์)ในปี 2522 นั่นเอง พุทธคุณเด่นทางด้านแคล้วคลาด มหาอุด อย่าง ที่เคยมีข่าวประสบการณ์เด็กช่างแถวพระรามสอง โดนยิงไม่ระคายผิว ก็แขวนเหรียญ นี้ แหละครับ อีกเหรียญที่สายตรง หรือคนพื้นที่ สมุทรปราการไม่ควรพลาด หายากน่าเก็บน่าใช้ แต่ราคายังเบาๆอีกละคราฟ
*********************************************************************หลวงพ่อครึ้ม สุลโภ หรือพระเดชพระคุณพระครูสมุทรโกศล อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองสวน ตำบลบ้านคลองสวน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นพระสุปฏิปันโน ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา สืบทอดพุทธาคมจากพระเกจิที่โด่งดังหลายรูปเช่น หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว (ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์และยังเป็นหลานของ หลวงพ่อดิ่ง อีกด้วย) ท่านเป็นพระที่ค่อยอยู่รับใช้ หลวงพ่อดิ่ง แม้กระทั่งการแจกเหรียญของ หลวงพ่อดิ่ง รุ่นแรก ที่โด่งดังคับฟ้า นั้น ก็ผ่านมือของ หลวงพ่อครึ้มทั้งนั้นครับ ท่านจะนั่งอยู่ข้าง ๆ หลวงพ่อดิ่ง ในมาถวายของ หลวงพ่อดิ่ง จะแจกเหรียญ ก็ให้ไปรับที่ พระครึ้ม ทั้งยัง ได้รับมอบหมายให้ จารอักขระ หามวลสารทำลูกอม อีกด้วย จากการที่ผมได้เคยไป สอบถาม จากหลวงพ่อฟู วัดบางสมัครนั้น ทราบว่า ท่านเป็นสหธรรมิกกันมาก่อนเคยอยู่ที่วัดบางวัว มาด้วยกัน แต่ว่า หลวงพ่อฟู ย้ายมาที่บางสมัครเสียก่อน ส่วนหลวงพ่อครึ้ม นั้น หลวงพ่อฟู ท่านว่า "ฉันอยู่ที่นั้น ไม่นานเท่าไหร่ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว (บางสมัคร) แต่คนนั้นน่ะ(หลวงพ่อครึ้ม) เค้าอยู่กันจนตาย หลวงพ่อดิ่ง ท่านรักของท่าน คนนั้นเค้าได้ไปเกือบทุกอย่าง" หลวงปู่ฟูกล่าว
หลวงพ่อจอม วัดบางสมัคร ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อาจารย์ของท่าน ท่านนี้นั้นสำคัญมาก ๆ เพราะเป็นอาจารย์ที่สอนท่านทำปลัดขิก อันมากประสบการณ์ และ รูปลักษณ์ที่คล้ายกัน ตอนท่านไปขอเรียน ปลัดขิก จาก หลวงพ่อฟัก นั้น ท่านได้ไปกัน 3 รูป นอกจาก หลวงพ่อครึ้ม แล้ว 1 ใน 3 นั้นก็มี หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร อยู่ได้ด้วยลองไปถามท่านดูนะครับ เมื่อไปถึงได้ กราบ หลวงพ่อฟัก เพื่อขอเรียนวิชา หลวงพ่อฟัก ไม่สอนให้ใครเลยแม้แต่คนเดียว แต่ได้บอกกับหลวงพ่อครึ้ม ว่า ท่านอยากได้ กะลาตาเดียว ที่เป็นสมบัติ และของสะสม ของ หลวงพ่อโม (อดีตเจ้าอาวาส วัดคลองสวน ก่อนหลวงพ่อครึ้ม น่ะครับ และ หลวงพ่อโม นี้ยังเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของ หลวงพ่อฟัก อีกด้วย) ให้ได้หรือป่าว ถ้าได้ก็จะยอมสอนวิชาให้ ตกลง หลวงพ่อครึ้ม ท่านยอมถวายให้ จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อฟัก เพียงแค่รูปเดียว ส่วนหลวงพ่อฟู นั้นท่านว่า ท่านรักและเคารพ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพสร มาก ๆ จึงหันไปเรียนจาก หลวงพ่อ คง แทน หลวงพ่อผล วัดพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมจากท่านอาจารย์ทั้งหลายจนหมดสิ้น หลวงพ่อครึ้มเมื่อสมัยเป็นเด็ก ได้ช่วยโยมบิดามารดา ตามประสาเด็กบ้านนอก สมัยนั้นชาวบางวัวมีอาชีพทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลักและเมื่อว่างจากช่วย บิดามารดาแล้ว หลวงพ่อคิดใฝ่หาความรู้เพิ่มเติม จึงข้ามฝั่งมาวัดบางวัว เพื่อศึกษาหาความรู้กับหลวงพ่อดิ่ง ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 100 เมตร จึงมีความผูกพันธุ์กับวัดและหลวงพ่อดิ่งมาก ท่านขออนุญาตบิดาและมารดาบวชเณร บิดามารดาก็อนุญาตให้บวช อยู่กับหลวงพ่อดิ่งที่วัดบางวัวได้ ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อดิ่งเรื่อยมา จนอายุครบบวชพระ จึงได้อุปสมบท เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2485 ณ วัดบางวัว โดยมี พระครูพิบูลย์คณารักษ์ (หลวงพ่อดิ่ง ) วัดอสุภาราม (วัดบางวัว) อำเภอบางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมกิจจานุรักษ์ (หลวงพ่อชื้อ) วัดทองนพคุณ คลองสาน กรุงเทพฯ เป็นพระกรรรมวาจาจารย์ และพระมหาจอม โฆสโก ตอนหลังได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระครูเมธีธรรม วัดบางสมัคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา สุลโภ ด้านการศึกษาพุทธาคม หลวงพ่อท่านได้วิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดให้ดังนี้ 1.หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อและพระเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังเข้มขลังวิทยาคม สร้างวัตถุมงคลไว้มากมาย เช่น เหรียญ ตะกรุด เสือ เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ ลูกอม และโดยเฉพาะสุดยอดเครื่องรางหนุมารแกะจากรากพุดซ้อน และยังได้ศึกษาวิชานะทรงแผ่นดิน กระทู้เจ็ดแบกและวิชาไล่ผี ทุกครั้งที่หลวงพ่อดิ่งจะปลุกเสกวัตถุมงคล ท่านจะเอาอาวุธเช่นมีด ปืน หอก ระเบิดมือจากทหารเรือ ปืนทุกกระบอกขึ้นลำพร้อมที่จะใช้งาน เรียกวิชาข่มอาวุธทุกครั้งที่หลวงพ่อครึ้มปลุกเสกวัตถุมงคลจะระลึกถึงอาจารย์และใช้วิชาข่มอาวุธปลุกเสกของด้วยเสมอ 2.หลวงพ่อจอม วัดบางสมัคร จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ของหลวงพ่อครึ้มสอนวิชาสร้าง เสืออาคม ตำหรับเดิมของหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ 3.หลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากในวิชาทำปลัดขิก หลวงพ่อครึ้มท่านศึกษาวิชาทำปลัดขิกจากหลวงพ่อฟักจนสำเร็จ 4.หลวงพ่อผล วัดพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร ศึกษาวิชาทำผ้ายันต์สิงห์ วัตถุมงคง หลวงพ่อครึ้มท่านได้เริ่มสร้างวัตถุมงคลเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2507 ได้สร้างเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อศิริชัย(พิมพ์พระประธาน) พระยอดธงหล่อโบราณ โดยมีพระที่มานั่งเสก จำนวน 18 รูป เช่น หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ คงทอง , หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ , หลวงปู่โสม ชลบุรี (องค์นี้หลวงพ่อครึ้ม ประทับใจในอภินิหารท่านมาก ๆ ) , หลวงพ่อแฉ่ง ฯ..... และต่อมาท่านได้สร้าง เหรียญรูปเหมือน ตะกรุดโทน ผ้ายันต์ หนุมาน ตะกรุด 7 ดอก พระปิดตา พระสมเด็จพิมพ์ต่างๆ และปลัดขิก เมื่อหลวงพ่อครึ้มถูกนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดคลองสวนนั้น หลวงพ่อดิ่งได้มอบลูกอมของท่านให้มาแจกแก่ผู้ที่ชวยสร้างวัดประมาณ 4000 เม็ด โดยท่านเป็นคนหามวลสารเองตามที่ หลวงพ่อดิ่งสั่งไว้ แล้วทำถวายท่านเสก แต่ไปรับเอาตอนที่ หลวงพ่อดิ่ง เสียแล้ว กล่าวกันว่าผู้ใดมีวัตถุมงคลของ หลวงพ่อครึ้มไว้ติดตัวแล้ว จะแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายใดๆทั้งปวง เรื่องประสบการณ์ต่าง ๆ นั้นลอง ๆ สอบถาม ตำรวจ สน.ทุ่งครุ ,ราษฏร์บูรณะ , พระประแดง ,สาขลา ดูได้ว่า ของ ๆ ท่านเป็นอย่างไร ไม่เป็นรองใครยังไง หลวงพ่อครึ้มท่านได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2540 ชาววัดคลองสวน ชาวพระสมุทรเจดีย์ และบรรดาศิษยานุศิษย์ ต่างอาลัยต่อการจากไปของท่านเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านและลูกศิษย์ต่างมีความเห็นกันว่าไม่ให้ฉีดยาและเก็บร่างท่านไว้ ประมาณ 2 ปี ต่อมาทางวัดคลองสวนจะนำร่างของท่านม่ดำเนินการตามประเพณี บรรดาลูกศิษย์ได้เห็นว่าร่างของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคลสภาพเดิมไม่มีอะไรบุบสลายหรือ ขาดหายไป แต่ตัวท่านลอยอยู่ในน้ำภายในโลง ซึ่งน้ำดังกล่าวคาดว่าเป็นน้ำที่ใช้สรงศพของท่าน จึงพร้อมใจกันนำร่างของท่านเก็บไว้ในโรงแก้ว เพื่อให้ผู้เคารพนับถือกราบไหว้บูชา บางรายเป็นนักเลงหวยก็มาเขย่าติ้วไม้ไผ่ของโชคลาภ บางรายเป็นนักเรียน จะสอบเข้าทำงาน หรือเรียนต่อก็จะมาบนบานกับท่าน ก็ประสบผลสำเร็จสมความมุ่งหมาย ทำให้ชาวบ้านแถบคลองสวนและพื้นที่ใกล้เคียงนับถือท่านมาตลอดจนทุกวันนี้ ส่วนอภินิหารและประสบการณ์ในวัตถุมงคงของท่านนั้น มีมากมายเกินจะเอ่ยได้หมด แม้แต่หมูที่ท่านเลี้ยงไว้ เป็นหมูป่าผสมหมูบ้าน) ที่วัดเรียกกันว่า ไอ้อู๊ด ยังเหนียว สุด ๆ เริ่มต้นเดิมที่มันไม่ดุ ไม่ทำร้ายใคร แต่มันมีเมียอยู่เป็นคู่กัน แต่พอหลังจากตัวเมียตาย ไอ้อู๊ด ก็ดูเศร้า ๆ ไป จนถึงวันสงกรานต์ปีหนึ่ง ได้มีคนเอาน้ำ เอาแป้ง ไปสาดใส่ ไปแกล้งมัน ทำให้มันหงุดหงิด และทำร้ายเอา หลังจากนั้น ไอ้อู๊ด ก็มีนิสัย ดุร้ายเรื่อยมา วีรกรรมที่มันทำร้ายคนหรือพระในวัดนั้น ใคร ๆ ก็รู้ดี ไม่มีใครเข้าหน้ามันติดซักคนเดียว ถึงขนาด หลวงตา ก. ยังเคยย้ายวัดหนีมันมาแล้ว จะมีก็แต่ หลวงพ่อครึ้ม คนเดียวเท่านั้นที่ ไอ้อู๊ด มันนอบน้อม เชื่องเหมือนลูกสุนัขเลย และมีเรื่องที่น่าแปลก ไม่ว่า ไอ้อู๊ด จะอยู่ไกล แค่ไหน ก็ตาม เพียงหลวงพ่อครึ้ม ท่านเอ่ย เรียกชื่อมันเบา ๆ เท่านั้น มันก็จะรีบวิ่งมาหาท่านทันที หรือเวลาที่ไอ้อู๊ด ไปเที่ยวนอกวัด แล้วเที่ยวไปพังศาลเพียงตา ตามวังกุ้งข้างวัดแล้วโดนเจ้าของ ยิงมาหลวงพ่อท่านยังรู้ได้เลย พอคนที่ยิงมาวัดเจอหน้าหลวงพ่อ ก็จะโดนหลวงพ่อเอ็ดเอา ที่ตัวไอ้อู้ดนั้น หลวงพ่อครึ้ม ไม่เคยห้อย ตะกรุดหรือ ของขลังใด ๆ ให้มันเลย มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับที่ท่านทำให้มันคือ บ้วนน้ำหมากลงบนหัวของมัน เท่านั้นครับ โดนรุม ยิงด้วยปืน สองกระบอก ออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่สุดท้ายมันกลับมาวัด วิ่งไปหา หลวงพ่อ มีตะกั่ว บี้ติดอยู่ที่หน้าผากของมันครับ พระมันไปขวิดเค้าไส้ไหล ไปนอน ที่ รพ บางประกอก 3 เลยที่เดียว ใครจะตี จะยิง จะทำอะไรมัน ก็ทำมันไมได้แต่สุดท้าย ไอ้อู๊ด จนน้ำตาย ครับ หลวงพ่อ ยังให้ตัดเขี้ยวของมันมาดู แล้วพูดว่า แหมเสียดาย ที่ไม่ตัน เขี้ยวนั้นปัจจุบันเก็บไว้อยู่ที่ กุฏิรองเจ้าอาวาส (พระมนู) ส่วนประสบการณ์ที่เกิดกับคนนั้นมีมากมายเกินจะเล่าได้หมด ขอเล่า เพียงส่วนน้อยเท่านั้นนะครับ -เคยมีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งขับรถมอเตอร์ไซด์ด้วยความเร็วสูงตามประสาวัยรุ่น มาตามถนนสายหนึ่ง ใน กทม บังเอิญขณะนั้นมี รถบรรทุก สิบล้อ คันหนึ่งจอดพักรถอยู่ริมถนน เด็กคนนั้นมองไม่เห็นเพราะเป็นเวลากลางคืนจึงขี่ลอดเข้าไปใต้ท้องรถ ปรากฏว่า รถยับเยิน ซ่อมไม่ได้ แต่เด็กวัยรุ่นนั้น ไม่เป็นอะไรเลย มีเพียง รอยช้ำ เล็กน้อยเท่านั้น ภายหลังจะทราบว่า ห้อยวัตถุมงคล ของ หลวงพ่อครึ้ม เพียงองค์เดียวเท่านั้น -อีกรายเป็นเด็ก นักเรียนเทคนิคกรุงเทพ บ้านอยู่แถวคลองสวน มีวันหนึ่งขณะเดินทางไปเรียน ก็เจอนักเรียนต่างวิทยาลัยที่เป็นอริกัน มาคอยดักทำร้ายอยู่ ได้ยิ่งเด็กคนนี้แต่ยิงไม่ออก เนื่องจาก ตัวเด็กคนนี้มีตะกรุดโทนของท่านติดตัวอยู่เท่านั้น -อีกราย เป็นตำรวจ เคยได้รับเหรียญของท่าน รุ่นแรก ติดตัวไว้ตลอด ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังขี่รถ ตรวจพื้นที่อยู่ ได้ถูกคนร้าย ใช้ปืนลูกซอง ยิงเข้าเต็มหน้าอก จนรถล้มลง คนร้ายนึกว่า ตำรวจรายนี้ตายแล้วจึงหนีไป ส่วนตำรวจที่ถูกยิงนั้น พอลุกขึ้นได้ก็สำรวจตัวเองว่าเป็นอะไรบ้าง ปรากฏว่า เสื้อขาดเป็นรอยรูกระสุน แต่ผิวหนังมีเพียงจุด แดง ๆ เท่านั้น - และยังมีเรื่อง ถูกถีบตกกะทะทอดปาท่องโก๋ ไม่เป็นอะไร(คนโดนตอนนี้ก็บวชอยู่ที่วัดครับ) ,ไล่ยิง ไล่ฟัน ตกวังกุ้ง รอด,ห้อยลูกอม ประสานงากับสิบล้อรอด ,ทหารที่ป้อมพระจุลฯ โดนยิงตกเรือ ไม่เป็นอะไร ,ถูกยิงตกสะพาน ที่หัวกระบือ ไม่เข้า , มีเรื่องกัน ถูกผลักล้มลง แล้วเหยียบอก ยิง ก็ไม่ออก คนที่ยิง คิดว่าห้อยพระเปิดเสื้อดูไม่เจอสร้อยพระ ยิงซ้ำก็ไม่ออก ยิงกรอกปากก็ยังไม่ออก แต่ยิงขึ้นฟ้าออก โมโหเลยเอาด้ามปืน ทุบเข้าที่หางคิ้วขวา ปู้ดเป็นลูกมะนาวเข้ามาหา ท่านตอนเช้า ,ของ ๆ ท่านแม้กระทั่งอิสลามที่ว่า เคร่ง ๆ แถว ๆ นี้บางคน ยังพกติดตัวครับและยังอีกหลาย ๆ เรื่องครับ ผู้เขียนของบอกไว้เลยว่า ถ้าท่านยังอยู่ คงไม่ได้มาเล่าอย่างนี้เพราะท่านไม่ชอบ ไม่เอาเรื่องชื่อเสียงเงินทอง และท่านไม่อยากให้ใครทำของท่านออกมาเก๊ เพราะกลัวว่า คนที่ห้อยจะไม่ได้รับพุทธคุณจากพระของท่าน ถ้าเราคิดในแง่เมตตานั้น ท่านมีสูงมาก ท่านเป็นพระที่พูดน้อย สมถะ เรียบง่ายครับ ตอนนี้ท่านเสียไป นานแล้ว วัตถุมงคลของท่านหลายปีที่ผ่านมา ก็ถูกละเลย จะพอมีประสบการณ์เข้า จึงค่อยมาแสวงหากัน จน หายาก ขึ้นทุกที ๆ ของหลัก ๆ บางอย่าง มีเงิน ก็หาไม่ได้ | [ ราคา ] ฿1500 [ สถานะ ] ยังอยู่
[ติดต่อเจ้าของร้านเกจิน้อย พระเครื่องออนไลน์ ] เบอร์โทรศัพท์ : 081-4070684 | |
|