พระดีแห่งเมืองร้อยเกาะ "สุราษฎร์ธานี" อีกรูปหนึ่งนาม หลวงพ่อแดง ติสฺโส แห่งวัดแหลมสอ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งกิตติประวัติที่เล่าขานสืบกันมาถึงเรื่องราวแห่งอัตโนประวัติของท่านมากด้วยสีสันยิ่งนัก
ดังเรื่องราวที่นางเจี้ยว ผู้มีถิ่นฐานอยู่ที่บ้านบางเก่า วันหนึ่งมีเหตุเดินทางไปยังอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช นางได้เห็นหลวงพ่อแดง ติสฺโส บิณฑบาตอยู่ที่อำเภอขนอม ครั้นในวันเดียวกันนั้นได้เดินทางไปยังเกาะราบ และได้พบหลวงพ่อแดง ติสฺโส จึงแปลกใจยิ่งนัก จึงได้สอบถามชาวบ้าน ซึ่งต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อเช้าหลวงพ่อแดง ติสฺโส บิณฑบาตอยู่ที่เกาะราบมิได้ไปที่ไหน
หรือเรื่องเดินบนผิวน้ำ ที่เล่ากันว่า ปกติแล้วนั้น หลวงพ่อแดง ติสฺโส จะเดินทางด้วยเรือชักใบลำเล็กๆ ของท่าน แต่มีอยู่วันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อแดง ติสฺโส กำลังแล่นเรืออยู่กับนายอิ่ม ซึ่งพิการขาเป๋ ขณะที่เรือกำลังแล่นอยู่ระหว่างเกาะกะแตนกับเกาะสมุย เรือของท่านก็บังเกิดล่มจมลง ตรงบริเวณนั้นน้ำจะลึกประมาณไม่น้อยกว่า 7 วา หลวงพ่อแดง ติสฺโส ได้ร้องบอกให้นายอิ่มยืนขึ้น ปรากฏว่านายอิ่มสามารถยืนในน้ำได้ครึ่งร่าง ส่วนหลวงพ่อแดง ติสฺโส สามารถเดินบนผิวน้ำได้
เรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อแดง ติสฺโส ที่ยังคงเล่าขานกันยังมีอยู่อีกหลายเรื่อง ดังเรื่องที่นายชม โอชารส ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลหน้าเมือง มาแอบจับตามองหลวงพ่อแดง ติสฺโส ที่ชาวบ้านเล่าขานกันว่า สมัยที่หลวงพ่อแดง ติสฺโส จำพรรษาอยู่ที่วัดน้ำรอบ บริเวณรอบๆ วัดจะมีน้ำล้อมโดยรอบ การเดินทางจะต้องข้ามฟากด้วยเรือ แต่ปรากฏว่าหลวงพ่อแดง ติสฺโส ท่านข้ามมาโดยไม่ต้องอาศัยเรือ และจีวรไม่เคยเปียกน้ำแต่อย่างใดเลย จึงเป็นที่สงสัยของชาวบ้านยิ่ง จึงเฝ้าจับตามองดูว่า หลวงพ่อแดง ติสฺโส ท่านข้ามฟากมาด้วยวิธีการใด
วันหนึ่งผู้ใหญ่ชม โอชารส ซึ่งแอบซุ่มเฝ้ามองดูอยู่ เห็นหลวงพ่อแดง ติสฺโส ยืนอยู่ริมฝั่งวัดน้ำรอบ แต่เพียงพริบตาเดียวหลวงพ่อแดง ติสฺโส ก็มายืนอยู่ทางด้านฝั่งเดียวกับผู้ใหญ่ชม โดยที่จีวรไม่เปียกน้ำเลย ครั้นถามไถ่หลวงพ่อแดง ติสฺโส ว่าท่านข้ามมาอย่างใด ก็ได้รับคำตอบว่า นั่งเรือมา แต่มองไปก็ไม่พบเรือสักลำ
หรือเรื่องที่นายจันทร์ เพชรศรี ได้ประสบพบมา เมื่อครั้งนำอาหารไปถวายหลวงพ่อแดง ติสฺโส ที่วัดแหลมสอ เมื่อเปิดประตูกุฏิไปหาพบเห็นหลวงพ่อแดง ติสฺโส ไม่ จึงเอาปิ่นโตแขวนไว้ที่หน้ากุฏิแล้วนั่งคอยก็ไม่เห็นหลวงพ่อแดง ติสฺโส มาสักที จึงได้ไปปลดปิ่นโตเพื่อนำไปไว้ในกุฏิ เมื่อเปิดประตูกุฏิก็เห็นหลวงพ่อแดง ติสฺโส นั่งอยู่ ครั้นถามท่านก็ตอบว่าไม่ได้ไปไหนนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว
อีกรายหนึ่งที่ประสบพบเห็นหลวงพ่อแดง ติสฺโส ล่องหนหายตัว คือ นายนอบ ทวยเจริญ และพรรคพวก ได้พบหลวงพ่อแดง ติสฺโส บริเวณแหลมละไม ซึ่งท่านได้มาให้คนเลื่อยไม้เพื่อต่อเรือระมาด ตัวท่านนั่งอยู่บริเวณปากถ้ำ นายนอบ ทวยเจริญ กับเพื่อนๆ เห็น จึงขึ้นไปเพื่อจะถามไถ่ถึงควายชนว่าตัวไหนจะชนะ เพื่อจะได้ไปแทงพนัน แต่พอไปถึงบริเวณที่ท่านนั่งอยู่กลับไม่พบเห็นหลวงพ่อแดง ติสฺโส แม้จะตามหาทั่วบริเวณก็หาพบไม่
หรือแม้แต่การถ่ายรูปหลวงพ่อแดง ติสฺโส หากไม่ขออนุญาตท่านเสียก่อน ก็ไม่สามารถถ่ายติดรูปท่านได้ นับเป็นที่แปลกอัศจรรย์ และมีผู้พบประสบมาหลายรายแล้ว
สำหรับเหรียญหลวงพาอแดง แหลมสอ รุ่นแรกนั้น ของเก๊ไดพัฒนาฝีมือมาใกล้เคียงจากของแท้ ซึ่งด้วยสาเหตุที่ว่า พระของท่านมีประสบการณ์ ทำให้การค้นหา และความต้องการ มีมากกว่า จำนวนพระที่มีอยู่ครับ เราสามารถทีจะแยกพิมพ์ได้ดังนี้
1.พิมพ์มีเส้นคอ กล่าวคือ เป็นพิมพ์ที่น้อยที่สุด ปรากฏเส้นขนแมว ใต้กรามด้านซ้ายมือขององค์พระ(ขนานกับขอบสังฆาฏิ) ซึ่งต้องตะแคงส่องถึงจะมองเห็น
2.พิมพ์ไม่มีเส้นใต้คอ ซึ่งก็เล่นราคาไม่แตกต่างกันมากนักครับ เพราะเป็นพระที่ปั๊มจากแม่พิมพ์เดียวกัน
3.พิมพ์"ตัว นะ มีจุด"กล่าวคือ เป็นพิมพ์ที่มีจุดบนตัว"นะ"ด้านหลังเหรียญ เนื้อโลหะ จะแก่ทองแดงอมเหลืองกว่าพิมพ์ที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนวิธีการดูว่าเหรียญเก๊ หรือแท้นั้น เอาจุดตายที่ของเก๊ยังทำไม่ได้นะครับ คือ ด้านหลังเหรียญจะมีเส้นขนแมว"เป็นแนวนอน เต็มหลังเหรียญ เป็นเส้นขนแมวที่เกิดจากแรงกระแทก เป็นเส้นเล็กๆเรียงถี่ยิบเต็มหลังเหรียญครับ ส่วนพิมพ์"หลัง นะ จุด นั้น ให้ดูที่เนื้อโลหะ อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้นครับ |