พระเกจิอาจารย์ของจังหวัดชุมพร ในจังหวัดชุมพรนั้นมีพระเกจิอาจารย์ที่เก่งๆ และมีชื่อเสียงมากมายหลายองค์ เท่าที่เรารู้จักกันดีก็ หลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน หลวงพ่อจอน วัดดอนรวบ หลวงพ่อจันทร์ วัดขันเงิน หลวงพ่อมุม วัดนาสัก เป็นต้น พระเกจิอาจารย์แต่ละท่านนี้ล้วนมีความช่ำชองในทางวิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน สามารถเสกกรรไกรคีบหมากให้ปีนต้นหมากไปเก็บหมากมาให้ท่านได้ และท่านได้ลงอาคมไว้ที่ท่าน้ำหน้าวัด เมื่อจระเข้ว่ายน้ำผ่านมา จะต้องลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำทุกตัว ส่วนพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่งคือหลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ที่เหรียญของท่านนั้นมองดูแปลกตา คือเป็นรูปพระสงฆ์ที่มีเครา จึงลองค้นหาข้อมูลดู และเห็นว่าน่าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง ก็เลยเป็นหัวข้อเรื่องที่จะคุยกันในวันนี้
หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีอภินิหารแปลกกว่าพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆ คือหลวงพ่อรุ่งท่านเป็นพระสงฆ์เพียงรูปเดียวที่สามารถไว้หนวดเคราได้ สาเหตุก็คือหนวดเคราของท่านนั้นไม่สามารถโกนได้ คือโกนไม่เข้านั่นเองครับ แต่สำหรับผมของท่านนั้นสามารถโกนได้ หนวดเคราของท่านนั้นต่อให้มีดโกนที่คมขนาดไหนก็ตามก็โกนไม่เข้า จนชาวบ้านพากันเรียกท่านว่า "หลวงพ่อรุ่งเคราเหล็ก" ตามคุณวิเศษของท่าน
หนวดเคราของหลวงพ่อรุ่งจะแข็งจนมีดโกนโกนไม่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ แต่คิดว่าคุณวิเศษข้อนี้ของท่านคงเกิดขึ้นมาหลังจากที่ท่านได้บวชและบำเพ็ญภาวนาเป็นเวลานานแล้ว ต่อมาเมื่อหนวดเคราของท่านยาวขึ้นมา ก็ไม่สามารถโกนได้ เป็นที่เล่าขานกันไปทั่ว ทางเจ้าคณะจังหวัดชุมพรก็ได้ส่งพระสงฆ์มาทำการสอบสวน และจัดการโกนหนวดเคราของท่านออก แต่พระสงฆ์ที่เจ้าคณะจังหวัดส่งมานั้น โกนหนวดเคราของท่านเท่าไรก็โกนไม่เข้า ทั้งๆ ที่ใบมีดโกนคมกริบ โกนเส้นผมสบายๆ แต่พอมาโกนหนวดเคราของหลวงพ่อรุ่งกลับโกนไม่เข้า พยายามโกนเท่าไรก็โกนไม่เข้าเหมือนกับว่าหนวดเคราของท่านเป็นเหล็กอย่างนั้นแหละ พระสงฆ์ที่มาทำการสอบสวนหลวงพ่อรุ่งจึงกลับไปรายงานเจ้าคณะจังหวัดว่า "โกนไม่เข้า"
เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ เจ้าคณะจังหวัดจึงรายงานเรื่องมายังคณะสงฆ์ผู้ปกครองที่กรุงเทพฯ ฝ่ายคณะสงฆ์ที่กรุงเทพฯ เมื่อทราบรายงานก็ได้ส่งพระสงฆ์เจ้าหน้าที่ ลงไปสอบสวนและพิสูจน์ที่จังหวัดชุมพร คณะสงฆ์ที่ลงไปทำการสอบสวนและพิสูจน์การไว้หนวดเคราของหลวงพ่อรุ่งก็กลับมารายงานหัวหน้าคณะสงฆ์ที่กรุงเทพฯ ว่า "โกนไม่เข้า" เช่นกัน
นี่ก็เป็นเอกลักษณ์และคุณวิเศษของหลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร ปกติธรรมดาหลวงพ่อรุ่งท่านจะบำเพ็ญภาวนาไม่ค่อยชอบสุงสิงกับผู้คนมากนัก ในวัดบางแหวนสมัยที่ท่านยังอยู่ จะมีสัตว์ป่าลงมาอาศัยหากินอยู่เสมอ โดยเฉพาะไก่ป่า จะลงมาหากินเศษอาหารที่เหลือจากพระสงฆ์ฉันแล้วตามลานวัดเป็นจำนวนมากทุกวัน แต่หลังจากหลวงพ่อรุ่งมรณภาพแล้ว สัตว์ป่าเหล่านั้นก็ไม่กล้าลงมาอาศัยหากินในบริเวณวัดบางแหวนเหมือนแต่ก่อน
สมัยที่หลวงพ่อรุ่งยังมีชีวิตอยู่ชาวบ้านได้เห็นอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อรุ่งเสมอๆ อย่างที่กุฏิของท่านทำด้วยแฝกมุงด้วยหญ้าคา ปลูกสร้างอยู่กลางป่า วันหนึ่งไฟป่าลุกลามมาไหม้ต้นไม้และหญ้าคารอบๆ กุฏิของท่าน แต่ไฟป่าหาได้ไหม้กุฏิของท่านแม้แต่น้อย เวลาชาวบ้านมาขอตะกรุดจากท่าน ท่านก็จะทำตะกรุดและรวบรวมปลุกเสกพร้อมๆ กันหลายดอก ขณะที่ท่านกำลังบริกรรมปลุกเสกอยู่นั้น ตะกรุดบางดอกจะละลายไปเอง เมื่อปลุกเสกเสร็จแล้ว หลวงพ่อรุ่งท่านบอกว่าตะกรุดดอกที่ละลายนั้นแสดงว่าไม่ขลังนำไปใช้ไม่ได้ผล เข้าใจว่าท่านจะปลุกเสกด้วยเตโชกสิณ ตะกรุดดอกที่ละลายคือไม่อาจต้านทานความร้อนได้ ตะกรุดของหลวงพ่อรุ่งจะส่งผลในทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุด รวมทั้งป้องกันไฟได้ด้วย เคยมีคนไปพบรูปเหมือนและตะกรุดของท่านตกอยู่ในกองไฟที่ชาวบ้านเขาเผาป่าเพื่อทำไร่ แต่ปรากฏว่ารอบๆ บริเวณนั้นไม่ถูกไฟไหม้
วัตถุมงคลของท่านนั้นส่วนมากจะเป็นตะกรุด ผ้ายันต์เสียเป็นส่วนใหญ่ พระเครื่องของท่านนั้นมีอยู่เพียงรุ่นเดียวคือ รูปเหมือน และเหรียญรูปท่านที่สร้างในปีพ.ศ.2500 โดยสร้างเป็นรูปท่านแต่มีหนวดมีเคราตามที่ผมบอกไว้ตั้งแต่ต้น รูปเหมือนและเหรียญของท่านนั้นค่อนข้างหายากพอสมควร เพราะชาวบ้านที่ครอบครองไว้ต่างก็หวงแหนกันนัก วันนี้ผมก็นำรูปเหรียญของท่านมาให้ชมกันครับ |