รูปพ่อท่านจันทร์ สุเมโธ วัดทุ่งเฟื้อ
พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ วัดทุ่งเฟื้อ ตามประวัติ หลวงพ่อจันทร์ ท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า เครื่องราง ควายธนู พ่อท่านจันทร์ ถือเป็นควายธนูหนึ่งเดียวของเมืองใต้
ประวัติหลวงพ่อจันทร์ สุเมโธ
เกิดวันพฤหัสบดี ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน6ปีชวด ณ บ้านหลาแก้ว อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช บิดาชื่อนายเขียว มารดาชื่อนางพุดแก้ว นามสกุล ทองแก้ว หลวงพ่อจันทร์ ท่านเป็นบุตรชายคนโต มีพี่น้อง4คน มีอาชีพทำสวนทำไร่ ตอนเยาว์วัยได้ศึกษาในสำนักของ พระครูสังฆรักษ์ วัดหลาแก้ว ได้ศึกษาอักขระสมัยและวิชาอาคมต่างๆ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นก็ศึกษาพุทธาเวทจากตำราต่างๆ มีวิชาอาคมพอตัวเลยทีเดียว นักเลงหัวไม้ต่างกลัวท่าน เนื่องจากท่านหนังเหนียวยิ่งนัก เมื่ออายุครบ 20ปี ก็ได้อุปสมบทที่วัดศาลาแก้ว มีพระครูพนังศรีวิสุทธิพุทธิภักดี เป็นพระอุปัชฌาย์ อาจารย์เห้ง วัดศาลามีแก้ว เป็นพระกรรมาวาจารย์ หลวงพ่อจันทร์ ได้ฉายาว่า "สุเมโธ"
อักขระปรากฏแก่ พ่อท่านจันทร์
คราวหนึ่ง พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ ท่านเดินทางธุดงค์อยู่ในป่าช้าจังหวัดพัทลุงขณะที่ท่านเข้าพักแขวนกลดไว้กับกิ่งไม้ในป่าช้าวัดแห่งหนึ่งบริเวณใกล้ริมคลองป่าเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อจันทร์ท่านก็เดินจงกลมคลายความเหน็ดเหนื่อยพอสมควรแล้ว ท่านก็นั่งสมาธิภาวนาในกลด เพราะเป็นช่วงพลบค่ำพอดี
ความอัศจรรย์เกิดขึ้นแก่จิต
ขณะที่นั่งสมาธิจนจิตค่อยสงบลงแล้วสติสัมปชัญญะสมบูรณ์แจ่มใสมาก หลวงพ่อจันทร์ท่านได้เล่าให้บรรดาศิษย์ฟังภายหลังว่าจิตสงบดีแล้วเหตุการณ์การอันอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น ทำให้เห็นอักขระแบบภาษาขอมลอยขึ้นเด่นชัด จากริมแม่น้ำลำป่า ไปอยู่ในท่ามกลางอากาศก็ได้กำหนดอักขระเหล่านั้นมาพิจารณา แล้วทำอุบายเพ่งเป็นกสิณ โดยอาศัยอักขระโบราณที่ปรากฏมาเป็นนิมิตรหมายแห่งการบำเพ็ญเพ่งเป็นองค์กสิณยิ่งนานวัน ความสงบยิ่งแนบแน่นตามลำดับ
พยัคฆามาเยี่ยม
เมื่อความมืดมาปกคลุมไปทั่วลุ่มน้ำลำป่า จังหวัดพัทลุง บริเวณภายนอกกลดอากาศเย็นเป็นพิเศษ ขณะ"พ่อท่านจันทร์"และหมู่คณะของท่านนั่งกำหนดจิตอยู่ ทันใดนั้นความเงียบก็ถูกทำลายด้วยอำนาจเสือโคร่งตัวโต เสียงร้องของมันขู่ข่มขวัญ ทุกคนที่ได้ยิน มันเดินไปวนมาข้างๆกลดเพราะได้กลิ่นมนุษย์ พระธุดงค์ดังกล่าวได้ปฏิบัติตามคำเตือนให้อยู่ในความสงบ นั่งปฏิบัติกันโดยปกติ เสือเหมือนมาทดสอบจิตใจเมื่อพระธุดงค์ทุดท่านมีมานะอดทนที่แน่วแน่ พร้อมทั้งแผ่เมตตาไปยังเสือตัวนั้นในที่สุดเสือโคร่งก็สิ้นความพยายามผละหายกลับไปในป่าลึก
หลวงพ่อจันทร์ พบดินแดนสงบ
จากการเดินธุดงค์ไปทั่วทั้ง 14จังหวัดภาคใต้ ต่อมาในปี พ.ศ.2491 พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ ท่านได้จำพรรษาที่ วัดทุ่งเฟื้อ เพราะเล็งเห็นว่าเหมาะแก่การเจริญวิปัสสนาสมาธิเป็นอย่างยิ่ง จากอดีต วัดทุ่งเฟื้อ ที่เคยมีสภาพทรุดโทรม ก็ได้รับการพัฒนาเปิดป่า เปลี่ยนเป็นศาลาโรงธรรม หอระฆัง พระอุโบสถและกุฏิสงฆ์ขึ้นมาตามลำดับ ต่อมา พ่อท่านจันทร์ ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดทุ่งเฟื้อ อย่างสมบูรณ์ พระสงฆ์ต่างจังหวัดและชาวบ้านต่างมาฝากตัวเป็นศิษย์ท่านเป็นจำนวนมาก เพื่อศึกษาตำราพิชัยสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องวิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด แต่งคนเลิศดีนักแลฯ ถือเป็นวิชาสุดยอดทั้งนั้นและ หลวงพ่อจันทร์ ก็เคยเดินทางไปศึกษาวิชากับ อาจารย์เอียดดำ วัดในเขียว อีกด้วย
พุทธคุณพระเครื่อง พ่อท่านจันทร์
ในเรื่องอิทธิมงคลวัตถุของพ่อท่านจันทร์ นั้นมีอานุภาพดีเด่นในทางพุทธคุณสูง อานุภาพสูงส่งจากประสบการณ์ผู้นำติดตัวไปใช้ก็มีมากมาย จึงเป็นที่หวงแหนของผู้ที่ครอบครองไว้ สำหรับความรู้สึกของศิษยานุศิษย์ที่ได้เรียนวิชาคงกระพัน วิชาชาตรี วิชาแคล้วคลาด วิชามหาอุด วิชาแต่งคน และรับมอบอิทธิวัตถุมงคลของหลวงพ่อจันทร์ พูดได้ว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว
หลวงพ่อจันทร์ มรณภาพตามกำหนด
กฎแห่งไตรลักษณ์มีอย่างไรความจริงก็ย่อมปรากฏเช่นนั้น หลวงพ่อจันทร์ ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติจนเกิดฌานจนแก่กล้า สามารถรู้เหตุการณ์ต่างๆแม้แต่วันตาย ดังบันทึกของคณะศิษย์วัดทุ่งเฟื้อ ทุกๆสาย คืนวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2532 ท่านเข้าสมาธิภาวนาตั้งแต่หัวค่ำด้วยอิริยาบถอันสงบ แม้อาการป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอดท่านก็ไม่ ทอดธุระเรื่องภาวนา ตลอดคืนจนได้เวลา 05.00น. อันเป็น เวลาใกล้สว่าง หลวงพ่อจันทร์ ท่านได้ให้บรรดาศิษย์ช่วยกันพยุงกายท่านให้ลุกขึ้น เพราะท่านนั่งสมาธิมาตั้งแต่หัวค่ำ เรี่ยวแรงก็น้อยลง เมื่อพระสมุห์พิงค์ ขึ้นแล้ว ท่านได้เปลี่ยน สบง จีวร สังฆาฏิ ใหม่หมดเสร็จแล้วท่านได้บอกให้ลูกศิษย์ประคองให้นั่งลงทำสมาธิต่อไปหลังจากฉันอาหารเช้าแล้ว หลวงพ่อจันทร์ท่านก็หลับตาลง และได้สั่งให้พระสมุห์พิงค์ ผู้เป็นศิษย์จุดเทียนไว้เบื้องหน้าหนึ่งเล่ม พร้อมทั้งไม่ให้ใครมาส่งเสียงบริเวณนั้นจะทำสมาธิครั้งสุดท้ายหลังจากกล่าวแก่ศิษย์ทุกคนแล้ว หลวงพ่อจันทร์ ท่านก็หลับตาลงเป็นครั้งสุดท้ายกำหนดจิตเข้าสู่สมาธิ เป็นลำดับเวลา 08.30น.บรรดาลูกศิษย์ ที่เฝ้าดูอาการของ พ่อท่านจันทร์ เห็นผิดสังเกต เพราะศีรษะของท่านโน้นเอียงลงมาเล็กน้อย ซึ่งปกติท่านจะนั่งตัวตรงไม่ไหวติง ศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดท่านย่อมรู้ดี จึงทราบว่า พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ วัดทุ่งเฟื้อ ท่านได้มรณภาพแล้ว วันที่ 10 พฤศจิกายน 2532
ชาวบ้านที่ศรัทธา หลวงพ่อจันทร์
ร่างกายไม่เน่าเปื่อย
การนั่งมรณภาพของ หลวงพ่อจันทร์ เมื่อวันที่10 พฤศจิกายน 2532 ได้ลือกระฉ่อนไปทั่วสารทิศเมืองนครศรีธรรมราช สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย สังขารของท่านแข็งดุจหินแม้เวลาล่วงเลยมาหลายปี |