สงขลา เป็นจังหวัดหนึ่งของภาคใต้ ตั้งอยู่บนแหลมที่ยื่นออกไปทางทิศตะวันออกของอ่าวไทย เป็นจังหวัดสำคัญอันดับหนึ่งของภาคใต้ เพราะเป็นศูนย์กลางของหน่วยงานราชการต่างๆ และเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้า ที่มีขอบข่ายกว้างขวางในปัจจุบัน
ในอดีตกาลที่ผ่านมา... สงขลามีประวัติศาสตร์บ่งบอกถึงความที่เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรื่องมาช้านานแล้ว ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังคงเหลือซากของโบราณวัตถุ โบราณสถาน อันเก่าแก่ ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์เป็นหลักฐาน ให้กับอนุชนรุ่นหลังเพื่อการศึกษาค้นคว้าต่อไป
จังหวัดสงขลามีธรรมชาติที่สวยงามตระการตา มากมายหลายแห่ง ซึ่งนับเป็นทรัพยากรด้านการท่องเที่ยว ที่มีคุณค่าล้ำเลิศ สามารถดึงดูดใจทั้งชาวไทยด้วยกัน และชาวต่างชาติมาท่องเที่ยว ได้ตลอดทั้งปี
ทางด้านแวดวงของนักนิยมสะสมพระเครื่อง จังหวัดสงขลา ก็เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ถึงบุญญาภินิหาร หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งเกียติคุณของท่านที่ขจรขยายไปกว้างไกลแสนไกล ไม่เฉพาะแต่เมืองไทยเท่านั้นแม้แต่ชาวสิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ ต่างก็รู้ซึ่งถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวดเป็นอย่างดี สงขลาก็เป็นจังหวัดแผ่นดินเกิดของหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ในปัจจุบันก็มีหลักฐานอันเก่าแก่ ที่แสดงถึงแผ่นดินเกิดของหลวงพ่อทวด ไม่ว่าเป็นวัดที่ท่านจำพรรษา สถานที่เกิดของท่าน สถานที่ฝั่งรกของท่าน ซึ่งอยู่ในท้องที่ อำเภอ สทิงพระ จ. สงขลา ปัจจุบันหลักฐานต่างๆเหล่านี้ก็ยังมีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พะโคะ ซากเก่าแก่ของวัด ที่ทางกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ก็มีรูปหล่อของหลวงพ่อทวด มีรอยเท้าของหลวงพ่อทวด ที่ท่านได้ประทับไว้ และที่วัดแห่งนี้ก็ยังมีพระเครื่องหลวงพ่อทวด ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของนักสะสมพระเครื่องด้วย
ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวดในทุกวันนี้ก็ยังปรากฏอยู่เสมอ ชาวบ้านผู้ใดมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ไปบนบานศาลกล่าวกับท่าน ก็จะได้รับความสมหวังสัมฤทธิผลเสมอไป ท่านยังเป็นที่พึ่งพาอาศัยทางจิตใจของชาวบ้านได้เป็นอย่างดี เป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใส ไม่เฉพาะแต่ชาวสงขลา หรือชาวใต้เท่านั้น แม้ชาวไทยทั่วไปและชาวต่างชาติ ก็มีความรู้สึกสำนึกเช่นนี้เหมือนกัน
สำหรับ อำเภอระโนด นั้น เป็น อำเภอหนึ่ง ในจำนวน 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา ที่เป็นศูนย์กลางของการค้าธุรกิจในสมัยอดีต ที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่สุดในสมัยก่อน กลับกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศย์ในอนาคตอันใกล้
มองย้อนกลับไปประมาณเมื่อ 40 ปีทีผ่านมาของอำเภอระโนด จากความทรงจำของกระผม สมัยยังเป็นเด็กนักเรียนที่ ร.ร. วัดคลองแดน พร้อมอุปถัม ระโนดมีแต่สะพานไม้เคี่ยมทอดยาวตั้งแต่ตลาดทิศตะวันออกจนถึงตะวันตกยาวประมาณ 2 กิโลเมตร เด็กสมัยนั้นไม่ค่อยมีรองเท้าใส่กันนอกเสียจากผู้ที่อาศัยในตลาดจึงจะมีใส่กัน เด็กที่อยู่ไกลตลาดส่วนมากเดินเท้าเปล่า สะพานไม้เคี่ยมจะมีเสี้ยนสีดำๆ ถ้าเดินไม่ระวังจะถูกเสี้ยนไม้แทง การเดินเท้าเปล่าบนสะพานตอนเช้ายังเดินแบบสบาย เพราะสะพานยังไม่ร้อน แต่พอช่วงกลางวันแดดจัดๆบนพื้นไม้สะพานร้อนมากจนอาจทำให้พองได้ จึงต้องเดินให้เร็วหรือวิ่งหรือไม่ก็ต้องหลบไป เดินตรงบริเวณที่มีเงาบ้าน บ้านจะสร้างติดสะพาน ทอดยาวเชื่อมติดกันตลอด และมีแนวชายคาบ้านยื่นออกมาเกือบครึ่งสะพาน
เมื่อถึงหน้าฝน ระโนดจะเกิดน้ำท่วมหรือน้ำพะทุกปีทำให้กระดานไม้เคี่ยมหลุดลอยไปกับน้ำทำให้เกิดเป็นร่อง ถ้าเดินไม่ระวังก็ตกร่องหรือลอดร่องสะพาน ต้องเดินงมกันไปตลอดทาง กว่าจะถึงที่หมายก็ใช้เวลานานพอควร จำได้ว่านักเรียนคนไหนที่พลาดตกร่องเสื้อผ้าเปียกก็กลับบ้านไม่ต้องเรียนหนังสือในวันนั้น ก็ได้เล่นน้ำทั้งวันไป สมัยนั้นแต่ละบ้านส่วนมากมีเรือพายใช้กัน
ระโนดมีเรือหางยาวที่เป็นเอกลักษณ์ของคนระโนดเป็นเรือมาดที่ขุดจากต้นไม้ทั้งต้นตัวเรือจะเรียวสวยงามมาก เป็นเรือรับจ้างวิ่งรับผู้โดยสารจากตำบลต่างๆ ของอำเภอ ตลอดจนจังหวัดใกล้เคียง เช่น นครศรีธรรมราช พัทลุง ประมาณได้ว่าเกีอบ 100 ลำ คลองระโนดไม่เงียบเหงาเหมือนสมัยนี้ ระโนดเป็นเมืองน้ำ ชาวระโนดจะต้องยอมรับความจริงในข้อนี้และเมื่อเป็นเมืองน้ำก็ต้องพยายามหาประโยชน์จากทางน้ำ
จะขอกล่าวย้อนหลังไปเมื่อหลายสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา เส้นทางการคมนาคมของชาวระโนดคือทางเรือ แต่เมื่อถนนสายหัวเขาแดงสร้างเสร็จความสำคัญทางเรือก็เริ่มลดน้อยลงไป ในสมัยก่อนมีเรือยนต์วิ่งจากระโนดไปสงขลา จากระโนดไปพัทลุง จากระโนดไปคลองแดนเส้นทางนี้จะผ่านวัดของหลวงพ่อเรือง วัดหัววัง และจากระโนดไปตะเครียะซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดหัวป่า ชึ่งมีเกจิดังของเมืองนี้ก็คือหลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า การไปตะเครียะสมัยก่อนคนนอกพื้นที่ไม่มีใครอยากจะไปเพราะเส้นทางต้องผ่านดินแดนอาถรรพ์บริเวณอ่าวศาลาทัน ที่เรือต่างพื้นที่ต้องมาล่มลงผู้คนเสียชีวิตเป็นสิบๆ คน หลายครั้งหลายคลาฆ่า ชีวิตคนมาแล้วหลายร้อยกว่าคน มีคนเฒ่าคนแก่เล่ากันว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะเรือลำที่จมในตอนที่วิ่งตัดผ่านอ่าวศาลาทันมิได้ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลอ่าวเสียก่อนและบางรายบอกว่าเรือลำนั้นวิ่งข้ามเศียรพระพุทธรูปซึ่งจมอยู่ใต้ท้องทะเลในละแวกนั้น เนื่องจากในสมันก่อนในอ่าวศาลาทันหรือพื้นที่ใกล้เคียงเคยมีวัดตั้งอยู่ บางคนบอกว่าบริเวณอ่าวศาลาทันมีน้ำวน เมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนครับ หลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า และวัตถุมงคลของท่านถูกเก็บเงียบอยู่ในพื้นที่เป็นเวลากว่า 30 ปี เมื่อ ถนนหนทางที่จะไป วัดหัวป่าสะดวกขึ้น วัตถุมงคลของท่านเริ่มแผ่รัศมีไปทั่ว จังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงโดยปากต่อปาก มาวันนี้ถนนสายระโนดพัทลุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นถนนยกระดับทอดยาวประมาณ 20 กม.บรรยาการสองข้างทาง จากวัดเขาอ้อกับวัดหัวป่าหรีอบ้านหัวป่ากับบ้านทะเลน้อย อ.ควนขนุน ด้านหลังเป็นทะเลสาบสงขลา อีกด้านหนึ่งของถนนเป็นทะเลน้อย มองใกล้ๆข้างถนนเห็นวัว ควาย เป็นฝูงๆ ในทุ่งหญ้า เห็นนกบินเป็นฝูงๆ ในท้องฟ้าและบนดินนกก็เดินหากินกันเป็นฝูงๆ ชาวประมงหาปลาทอดแห ลงอวน สุ่มปลา ข้างถนนบางช่วงก็มีพืชพันธ์สาหร่ายบึงบัวนานาชนิด ป่าไม้ ทุ่งหญ้า มองไกลๆ ออกไปเห็นทิวเขาทิวป่าไม้ เห็นเรือหาปลาในทะเลทิวทัศน์สวยงามมาก อากาศก็แสนบริสุทธิ์ น่าพาครอบครัวหรือคู่หมั้นไปทัศนาจร ข้ามคลองนางเรียม ซึ่งเป็นคลองที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบกับทะเลน้อยอดีตมีจระเข้อยู่ชุกชุม ตามกลอนมโนราห์โบราณที่ว่า "หากพ่อไปทางทะเลจะเป็นเหยื่อเข้หรือเหรา" นับว่าเป็นสถานทีท่องเที่ยวแห่งใหม่ก็ว่าได้ จึงไม่แปลกที่ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมายังวัดหัวป่ามากมายทั่วสารทิศบวกด้วยประสพการณ์ของวัตถุมงคลที่ชัดเจนของแต่ละรุ่น จึงส่งและทำให้วัตถุของท่านทุกรุ่น แพงขึ้นเลื่อยและทำถ้าว่าจะแพงขึ้นไปอีกเลื่อยๆ ส่วนเรือที่วิ่งระหว่างระโนดกับสงขลาที่ขึ้นชื่อก็มีอยู่หลายลำ ซึ่งจะออกจากตลาดประมาณ 2 ทุ่มถึงสามทุ่ม ไปถึงสงขลาก็ใกล้สว่างประมาณตีห้า
มีเรื่องเล่าที่ตื่นเต้นเรื่องหนึ่งให้ผู้อ่านได้ฟัง คือในคืนวันหนึ่งขณะที่เรือยนต์กำลังวิ่งจากระโนดไปสงฃลา ในตอนนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้วผู้โดยสารส่วนใหญ่จะนอนหลับกันหมด เพื่อนของผู้เขียนซึ่งเป็นคน บ้านตะเครียะ ต้องการจะไปห้องน้ำซึ่งอยู่ท้ายเรือ จึงได้เดินลัดเลาะไปตามกราบเรือ จะด้วยสาเหตุเพราะความง่วงนอนหรือเหตุผลอื่นใดไม่ทราบ จึงได้พลัดตกไปในทะเลสาบ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำเรือหรือผู้โดยสารคนใดทราบเลย เขาเล่าว่า ตัวเขาเองว่ายน้ำไม่เก่ง และกระแสน้ำเชี่ยวมาก เขาคิดอยู่ในใจว่าคงตายแน่นอน จะตะโกนให้ใครช่วยเหลือก็ไม่มีใครได้ยิน เรื่องความกลัวเขาบอกว่าไม่ต้องพูดถึง และในขณะนั้นได้เกิดภาพความน่ากลัวเกิดขึ้นต่างๆ นานา และสิ่งที่ทำให้เขาตกใจกลัวมากที่สุด คือ แสงระเรื่อสีเขียวอ่อนเกิดขึ้นรอบตัวเขา และแน่นอนที่เขาคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากผีพลายตามผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟังเขาแถบหมดสติ ความหวังสุดท้ายก็ต้องพึ่งพระที่ห้อยคอ ก็ได้เอามือไปกำพระที่อยู่ในคอ และได้เกิดภาพพระสงฆ์ขึ้นมารูปหนึ่ง เขาหลับตาชั่วหนึ่ง ทันใดนั้นน้ำได้พัดพาร่างของเขาไปชนกับเสาโพงพาง เขาบอกว่าโชคดีที่ไม่ติดเข้าไปในโพงพางจึงได้อาศัยเกาะเสาหลักอั้นนั้นเอาไว้แน่น ความหนาวเย็นและความกลัวไม่ลดลงไปได้เลย เขาเกาะเสาหลักอยู่นานเท่าใดไม่สามารถทราบได้แน่นอน แต่เป็นเวลานาน ต่อมาเขาเห็นเรือพายลำหนึ่งพายเข้ามาหา จึงได้ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แทนที่เรือลำนั้นจะพายเข้ามา แต่กลับรีบพายหนีออกไปโดยไม่มองกลับหลังอีกเลย และมาทราบเอาตอนรุ่งเช้าจากเจ้าของโพงพางนั้นว่าที่เขาพายเรือหนีไปเพราะพวกเขาคิดว่าเป็นผีพลาย เนื่องจากไม่คิดว่าในเวลานั้นและสถานที่นั้นจะมีมนุษย์มาจับเสาโพงพางอยู่เป็นแน่แท้ ในตัวของเขานั้นเล่ามีเพียงเนื้อว่านรุ่น "อินโดจีน" เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ที่แม่ได้รับมาจากตาหลวงปลอด แห่งวัดหัวป่า นานมาแล้วเป็นเนื้อว่านรุ่นแรกของท่านที่ท่านทำเอง และแม่ก็มอบให้เขาไว้เพื่อคุ้มครอง
ท่ามกลางทะเลสาบอันแสนจะเงียบเหงาและห่างไกลจากความเจริญ น้อยคนนักที่จะคิดไปว่า การห่างไกลออกจากตัวเมืองระโนดไปอีกประมาณ 10 กม. ที่สมัยก่อนต้องเดินทางเรือหรือเดินเท้าใช้เวลาเป็นวัน จะมี พระอริยสงฆ์ ที่เป็นผู้ทรงวิทยาคมเรืองวิทยาเวทย์บำเพ็ญตนในเพศสมณะที่สมบูรณ์ด้วยศีลาจริยาวัตรอันงดงามประกอบด้วยวัตรปฏิบัติอันสมถะสันโดษ ปราศจากมลทินใดๆ พลังจิตแก่กล้าเปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรมอันสูงส่ง และมีปัญญา แห่งธรรมอันล้ำเลิศ ดุจหนึ่งเป็นเพชรน้ำเอก ของผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาจากองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ตั้งมั่นอยู่ในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด มีปฏิปทาอันน่าเคารพศรัทธาเลื่อมใส่อย่างที่สุดเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรครองจิตใจผู้คนทั่วไป พุทธศาสนิกชนต่างทราบเกียรติประวัติของพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งเป็นอย่างดี ...พระเดชพระคุณเจ้าที่กล่าวถึงนี้คือ...
ท่านพระครูพิศิษฐ์บุญสาร
หรือ
หลวงพ่อปลอด แห่งวัดหัวป่า ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา
อ่านประวัติ หลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า ได้เร็วๆนี้
องค์ท่านหลวงตาปลอด มรณภาพด้วยอาการสงบในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๓๗ สิริอายุรวม ๙๗ ปี พรรษาที่ ๗๖
ปัจจุบันร่างขององค์ท่านนอนสงบนิ่งในโลงแก้ว ณ กุฏิเดิมของท่าน วัดหัวป่า ร่างของท่านเป็นอมตะ ไม่เน่า ไม่เปื่อย ผมและเล็บงอกเงยเหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป เมื่อเข้ากราบไห้ว บนบาน องค์ท่านรับหมด ทุกสิ่งทุกอย่างจะสมดั่งใจหมาย สำเร็จในสิ่งที่คิดจะทำ
ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านเมื่อลงไปยังภาคใต้ผ่านไปทาง อ.ระโนด จ.สงขลา เข้ากราบสรีระขององค์ท่านนะครับ เข้าไปที่ อ. ระโนด ถามไถ่ชาวบ้านที่นั่นถึงหลวงตาปลอด วัดหัวป่า รับรองทุกคนรู้จักเป็นอย่างดีและช่วยเหลือนำพาสู่วัดหัวป่าด้วยความยินดี |