หลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณนับเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกรูปหนึ่ง ที่มีปฏิปทาน่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก ท่านเป็นพระผู้มีจิตเมตตาต่อศิษยานุศิษย์และประชาชน ทั่วไป
หลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณ ถือกำเนิดที่บ้านดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม บิดาของท่านชื่อ นายพรม ด้วงมูล มารดาชื่อ นางกรอง ด้วงมูล บิดาของท่านเป็นผู้ที่มีเมตตาจิต เอื้ออารีต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคน และยังเป็นผู้ที่ตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม เป็นผู้ที่ขยันทำมาหากินโดยสัมมาอาชีวะครอบครัวของนายพรมจึงได้รับการยกย่องนับถือจากชาวบ้านดอนยายหอมอย่างทั่วถึง
พญานาคทองคำ
|
พระอุโบสถ |
ก่อนที่หลวงพ่อเงินจะถือกำเนิดเกิดมานั้น นางกรองผู้เป็นมารดาได้ฝันไปว่า ขณะที่นางกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้าน หูของนางก็แว่วเลียงประหลาด เหมือนมีพายพัดกระหน่ำมาจากแดนไกลไม่ขาดระยะ
นางจึงรีบ ออกไปดูที่ชานเรือน ก็หาได้มองเห็นความวิปริตจากท้องฟ้าอย่างใดไม่ จะว่าฝนตั้งเค้าหรือ เมฆหมอกก็ยัง แจ่มกระจ่างอยู่ แต่เสียงประดุจพายุลูกใหญ่พัดกระหน่ำมาจากทิศประจิมนั้น ดูจะโหมกระหน่ำหนักไปกว่าเดิมเสียอีก
ด้วยความแปลกประหลาดใจนางกรองได้หันไปมองรอบ ๆ ทิศเพื่อจะหาเค้าของพยับโพยมบนเมฆาก็ไม่พบสาเหตุ
ฉับพลันทันใด นางก็ได้เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งมีสีเหลืองอร่ามแวววาวเช่นทองคำบริสุทธิ์ ลอยลิ่วลงมาจากฟากฟ้าเบื้องบน และค่อยๆไหลเลื่อนลงมาตกลง ณ นอกชานจนเรือนไหวสะท้านไปทั้งหลัง !
นางกรองประสบเหตุมหัศจรรย์เช่นนั้น ก็พลันเกิดอาการกิริยาขนพองสยองเกล้า หากทว่าไม่สามารถที่จะเปล่งเสียงร้องออกมาจากลำคอของนางได้ ได้แต่ยืนตกตะลึงตัวแข็งอยู่กับที่เหมือนต้องมนต์สะกดจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเวทกระนั้น!
และแล้วภาพที่ปรากฏเบื้องหน้านางกรองขณะนี้ก็คือ สิ่งที่ตกลงมาจากฟากฟ้านั้นได้กลับกลายเป็นพญานาคที่มีลำตัวเป็นสีทองประกายกล้าหมอบอยู่เบื้องหน้า !
พญานาคทองคำตัวนั้นได้บอกแก่นางด้วยภาษาของมนุษย์ว่า
แม่จ๋า! ขอแม่อย่าได้ตกอกตกใจไปเลย ฉันมาดี ไม่ได้มาร้ายไม่ได้จะมาทำร้ายแม่ แต่ฉันจะมาขออาศัยอยู่ด้วยกับแม่!
ว่าแล้วก็เลื้อยปราดๆ เข้ามาหา นางกรองก็เกิดหวาดกลัวสุดขีด สะดุ้งตื่นขึ้น ณ บัดนั้น! ครั้นรุ่งเช้านางจึงได้เล่าความฝันให้นายพรมฟังโดยละเอียด
นายพรมฟังแล้วนั่งไปชั่วครู่ ทำกิริยาเสมือนนั่งสมาธิ แล้วจึงบอกว่า
เราจะได้ลูกชายอีกคนหนึ่งทีเปรื่องปราดในวิชา และเป็นคนที่มีศีลธรรมล้ำเลิศ ถ้าลูกคนนี้ได้บวชเรียน จะต้องเป็นสมภารเจ้าวัดอย่าง แน่นอน !
แล้วเหตุการณ์ทั้งหลายที่บังเกิดขึ้น ก็ตรงกับคำทำนายของนายพรมทุกประการ เพราะนางกรองได้ตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ และมีอาการแปลกประหลาดพิสดารกว่าเมื่อครั้งก่อนๆ เป็นอันมาก
ด้วยอาการแพ้ท้องของนางครั้งนี้ มิรู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด จึงทำให้นางกรองรังเกียจของสดของคาวเป็นกำลัง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อปลาหรือเนื้อไก่ เมื่อนางได้กลิ่นก็จะอาเจียนทันที ไม่ว่าใครจะต้มจะแกงมาอย่างดีวิเศษเพียงไหน นางกรองก็ไม่ยอมแตะต้องแม้แต่คำเดียว
ที่น่าอัศจรรย์ไปยิ่งกว่านั้นก็คือ ของที่นางกรองชอบรับประทานเมื่อมีอาการแพ้ท้องคราวนั้น มีเพียงสองอย่างเท่านั้นก็คือ ผลไม้กับ ดินของสองสิ่งนี้นางกรองชอบรับประทานยิ่งนัก โดยเฉพาะดินแล้วชอบดินขุยรูปู หรือดินสอพอง นายพรมต้องเตรียมหามาไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อตุนเอาไว้ไม่ให้ขาดแคลนได้
นามว่าเงิน
|
ศาลาการเปรียญ |
ครั้นถึงวันอังคาร ขึ้นสามค่ำเดือนสิบ ปีขาล นางกรองก็ให้กำเนิดทารกน้อย เพศชายที่มีสุขภาพสมบูรณ์ ผิวพรรณผ่องใส มีปานสีขาวเป็นตำหนิที่หน้าอกเบื้องซ้ายและมีปานสีแดงเข้มเป็นรูปใบโพธิเป็นตำหนิที่ต้นแขนซ้ายอีกแห่งหนึ่ง
นับตั้งแต่เด็กชายผู้นี้เกิดมา ก็ปรากฏว่านายพรมและนางกรองมีลาภผลเนืองนอง ทำมาค้าขายก็ได้กำไรหลายสิบเท่าตัว ไม่ว่าจะจับอะไรก็ดูจะเป็นเงินเป็นทองไปหมด
ด้วยเหตุนี้บิดามารดาจึงได้ตั้งนามแก่เด็กผู้นี้ว่า เงิน แต่นั้นมาเด็กชายเงินผู้นี้มีอุปนิลัยผิดแผกแตกต่างจากเพื่อนรุ่นเดียวกัน คือ ในยามที่เด็กคนอื่นเล่นซุกซนเป็นลิงเป็นค้างอยู่นั้น เด็กชายเงินจะหยิบไม้กวาดมาเที่ยวกวาดถนนหนทางในบริเวณใกล้เคียงตามแถวนั้น จนแลดูสะอาดสะอ้าน ผู้ใดทำพิเศษของทิ้งหล่นเปรอะเปื้อน เด็กชายเงินก็จะไปหยิบนำมารวมเป็นกองไว้แห่งหนึ่ง
แต่สิ่งที่เด็กชายเงินชอบมากที่สุด ได้แก่ การเล่นบวชนาค ถ้าชวนเพื่อนทั้งหลายบวชนาคได้มากเท่าใด เด็กชายเงินจะมีความเบิกบานเป็นที่สุด แล้วตัวเองก็จะเอาผ้าห่มมาคลุมแทนจีวร วางท่าทางภาคภูมิดุจพระอุปัชฌาย์ฉะนั้น
การเล่นที่แปลกออกไปจากนี้ได้แก่ สมมุติว่าตัวเป็นเศรษฐีผู้มีใจกุศล โดยเก็บกระเบื้องกลมๆ หรือฝาหอยที่สมมุติเป็นเงินมาแจกเป็นทานแก่เพื่อนๆ ที่ทำเป็นยาจกเข็ญใจ อันแสดงให้เห็นว่าเด็กชายเงินผู้นี้มีจิตเปี่ยมด้วยทานมาแต่ยังเยาว์วัย
เมื่อเด็กชายเงินเติบโตพอจะเข้าโรงเรียนได้ พ่อแม่ก็ส่งเด็กชายเงินเล่าเรียน แต่จะเรียน ณ โรงเรียนแห่งไหน ในเมื่อสมัยนั้นแม้วัดก็ยังไม่มีการสอน!
หนทางที่ดีที่สุดที่พ่อคือ นายพรมจะกระทำได้ในขณะนั้นก็คือ ตั้งโรงเรียนกันที่บ้านของตัวนั่นแหละแล้ววางระเบียบเอาไว้
ระเบียบการสอนของนายพรมก็คือ พอค่ำลง แทนที่จะปล่อยให้ลูกของตนเที่ยวเตร่ตามหัวบ้านท้ายบ้าน เฉกเช่นเด็กหนุ่มวัยคะนองทั้งหลาย นายพรมกลับสั่งสอนลูกๆ ว่า
เราไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานอื่นๆ จะได้ออกเที่ยวหากินในยามค่ำคืน แต่กลางคืนเป็นเวลาสำหรับพักผ่อนของคน คนที่ชอบเที่ยวเวลากลางคืนนั้น ถ้าเคราะห์หามยามร้ายก็อาจจะถูกงูเงี้ยวกัดได้ หรือถ้าพวกขโมยรู้แกว มันก็จะฉวยโอกาสเข้าลักทรัพย์ในบ้านได้
แล้วนายพรมก็จะหาวิธีมิให้ลูกเบื่อบ้าน โดยเอาหนังสือคำกลอนหรือเพลงมาอ่านให้ฟัง บางคราวก็เล่านิทานแปลก ๆ มีคติสอนใจกล่อมความคิดให้ลูกๆ เลื่อมใสในพระศาสนา เกลียดความชั่ว รักความดี
ในโอกาสนี้ลูก ๆ ก็อยากจะอ่านหนังสือเป็นบ้าง เพราะอยากรู้เรื่องสนุกในหนังสือที่พ่อมีไว้มากมาย นายพรมก็เริ่มสอนลูกให้อ่าน ก. เอ๋ย ก. ไก่ แต่นั้นมา
ต่อเมื่อลูก ๆ พอจะอ่านหนังสือทั้งไทยและขอมได้แล้ว นายพรมก็จัดให้มีการแข่งขันกัน ว่าใครจะต่อหนังสือได้มากกว่ากัน พ่อจะได้ชมเชยลูกคนนั้น
ลูกๆ ก็เพลิดเพลินอยู่กับบ้านที่มีสภาพเหมือนโรงเรียนกลายๆ ฝ่ายแม่ก็ซื้อน้ำตาลมาตุน เคี่ยวเป็นขนมแจกนักเรียนที่ท่องหนังสือเก่งทุกวันไป
ก็ในเมื่อการอบรมของพ่อแม่เป็นเช่นนี้ ลูกๆ ของนายพรม แม่กรอง ก็อ่านหนังสือได้คล่องทุกตัวคน โดยไม่ต้องไปเข้าโรงเรียนสำนักใดเลย
สู่ร่มกาสาวพัสตร์
|
ศาลาธรรมโสฬส อันเป็นสถานที่ตั้งสรีระ ของหลวงพ่อเงิน จันทสุวรรโณ |
ในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 เวลา 18.15 น. พ่อและแม่ของนายเงิน ก็ได้จัดการบวชให้อย่างเงียบๆ คือ โกนศีรษะ นุ่งขาวห่มขาวเข้าวัดไปเลย ทั้งนี้เพราะพ่อแม่รู้จิตใจของลูกคนนี้เป็นอย่างดีว่า ไม่ชอบครึกครื้นเกรียวกราว ชอบทำอะไรเงียบๆ โดยเฉพาะลูกคนนี้ไม่ปรารถนาสมบัติทางโลกแม้แต่น้อย เขาปรารถนาธรรมมากที่สุดต่างหาก
ครั้นได้เวลาพ่อแม่และมวลญาติมิตรที่ใกล้ชิด จึงพร้อมใจกันถือเครื่องอัฐบริขาร กระทำการทักษิณาวรรตอุโบสถวัดดอนยายหอมสามรอบ โดยปราศจากกลองยาวหรือแตรสังข์แห่แหนดุจนาคทั้งหลาย แล้วขอบรรพชาต่อท่านปลัดฮวย เจ้าอาวาสที่เป็นอุปัชฌาย์เลยทีเดียว
พระอุปัชฌาย์ได้ตั้งนามฉายาให้ว่า จันทสุวัณโณ
ปฏิปทาพระภิกษุเงิน
เมื่อพระภิกษุเงิน เป็นพระนวกะ ก็ได้หมั่นเพียรทำวัตรสวดมนต์ทุกเช้าเย็น และร่ำเรียนพระธรรมวินัยเป็นอย่างดี จนเป็นที่พิศวงแก่พระเก่า ๆ ที่มีอาวุโสเป็นอันมาก ในการที่พระเงินสามารถสวดพระคาถาได้ทุกบท ไม่ว่าพระเก่า ๆ จะสวดบทไหนก็ตามและเมื่อครบพรรษาแรก พระภิกษุเงินก็สามารถสวดพระปาติโมกข์ได้อย่างคล่องแคล่ว
พอพรรษาต่อมา พระภิกษุเงินก็เริ่มเรียนกรรมฐานตามที่โยมพ่อแนะนำ และคร่ำเคร่งกับการปฏิบัติเพื่อให้ลุล่วงจากความทุกข์อย่างหนัก เที่ยวไปนั่งสมาธิตามป่าช้าที่เงียบสงัด เที่ยวไปเสาะหาละแวกใกล้เคียงอันวิเวก จนลุล่วงเข้าพรรษาที่ 6
ออกธุดงค์
ครั้นย่างเข้าพรรษาที่ 6 พระภิกษุเงินมีความคิดที่จะธุดงค์ เป็นการวิเวกตามแบบพระคณาจารย์สมัยนั้นปฏิบัติกัน อันเป็นการกำจัดอาสวะหรือกิเลสให้บรรเทาเบาบางลง และทั้งจะยังเป็นการได้เผยแพร่ธรรมไปในตัวด้วย
การเดินทางด้วยวิธีทรมานสังขาร ฉันอาหารเพียงมื้อเดียว นี้ มิใช่เป็นสิ่งที่จะปฏิบัติได้อย่าง่ายดาย
พระภิกษุผู้จะออกธุดงค์ จะต้องทำเป็นพิธีรีตองให้ถูกต้องตามแบบแผน จะต้องจาริกไปในป่าดงที่เงียบสงัดและทุรกันดารจริงๆ จึงจะเกิดกุศลผลบุญ ไม่ใช่จาริกเข้าไปในถิ่นที่เจริญรุ่งเรือง เป็นต้นว่า เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ แล้วกลับอย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นการธุดงค์
เริ่มแรก พระภิกษุเงิน ได้จาริกไปตามชนบทต่างๆ ด้วยการเดินเท้า โดยบ่ายหน้าไปสู่ภาคเหนือและยึดเอาป่า จังหวัดลพบุรี สระบุรีที่มีดงป่าหนาทึบแน่นขนัดไปด้วยไม้ใหญ่น้อย เป็นที่หมาย
ทั้งนี้เป็นการธุดงค์ที่เดาสุ่มปราศจากความสันทัดจัดเจนในภูมิประเทศ ว่าตอนใดเขตไหนเป็นอย่างไร ท่านมิได้มีความรู้มาก่อนเลย
มืดค่ำที่ไหนก็กางกลดพักแรมที่นั่น เรื่องข้าวเรื่องน้ำไม่มีการคำนึงถึง อดบ้าง ฉันบ้าง สุดแต่ใครจะศรัทธานำมาถวาย และเป็นการฉันมื้อเดียว
จากลพบุรี สระบุรี ท่านได้จาริก เรื่อยไปจนถึงนครสวรรค์ตลอดเวลาการธุดงค์นั้น ท่านได้ปฏิบัติตามแบบแผนอย่างเคร่งครับ มีการสำรวมในอิริยาบถด้วยไตรทวารอย่างมั่นคง
ทุกคืนที่กางกลดอยู่ในป่าลึกดงสูง ก็สวดมนต์เจริญพระกรรมฐานน้อมจิตแผ่เมตตาให้แก่สัตว์โลกจงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
นอกจากนี้ ท่านยังตั้งสัตย์อธิษฐานขออุทิศสังขารให้เป็นทานหากจะมีสัตว์ร้ายมาขบกัดก็จะไม่โกรธเคืองในสังขารอันที่จะพลีร่างกายและเลือดเนื้อให้เป็นทานแก่สัตว์ร้ายทั้งหลาย
แต่ด้วยเดชะอำนาจของพุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี จึงไม่ปรากฏว่ามีสัตว์ร้ายใดๆ มาทำอันตรายท่านเลย จึงทำให้เพิ่มพูนกำลังใจที่จะเดินทางไปสู่ทางแห่งความดับทุกข์ยิ่งๆ ขึ้น
แต่ก็มีอยู่บ้างที่บางคืนท่านหลงปักกลดอยู่ในดงทึบใหญ่ที่หนาแน่นไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด พอตกกลางคืน ก็มีช้างและเสือมาเดินวนเวียนอยู่รอบๆ กลด
ท่านก็มิได้ตกใจ กลับเข้าไปนั่งในกลด สวดมนต์ภาวนาอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย พร้อมกับแผ่เมตตาไปยังสัตว์ร้ายเหล่านั้น ด้วยถือหลักธรรมว่า เมตตาย่อมสนองต่อผู้มีเมตตา
เจ้าสัตว์ร้ายทั้งหลายก็ไม่ได้กล้ำกรายเข้าไปทำอะไรท่าน มีแต่วนเวียนอยู่ใกล้ๆ คล้ายกับว่าจะมีเมตตาตอบ โดยจะคอยระวังภัยอันตรายให้ท่านกระนั้น
เข้าดงจระเข้
|
สรีระของหลวงพ่อเงินยังคงตั้งไว้ให้ศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไปได้กราบไหว้รำลึกถึง |
อยู่มาวันหนึ่ง ท่านธุดงค์เรื่อยมาตามทางเดินเล็กๆ สายหนึ่งอย่างไร้จุดหมาย แล้วก็ไปโผล่ที่ชายทุ่งแห่งหนึ่ง เป็นป่าโปร่งระคนกับผืนนา ท่านเดินไปพิจารณาไป ก็มิเห็นว่าที่ใดจะเหมาะสำหรับกางกลดค้างแรม
ทันใดนั้น ท่านก็ต้องชะงักเพราะมี แม่น้ำขวางกั้นอยู่เบื้องหน้า มีลักษณะใหญ่โตคล้ายๆ ทะเลสาบก็ไม่เชิง ท่านก็เลยตกลงใจปักกลดที่นั้น เพราะใกล้น้ำประการหนึ่ง ทั้งจวนจะพลบค่ำอีกประการหนึ่ง
พอสวดมนต์ภาวนาเสร็จ ท่านก็หลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน มาสะดุ้งตื่นเอาในกลางดึก เพราะมีเสียงประหลาดดังขึ้นขรมไปหมดทั่วบริเวณนั้น
แต่ท่านก็พยายามควบคุมสติให้อยู่ในอาการสงบไม่ยอมดื่นเต้นได้แต่เงี่ยหูฟังอยู่นาน ก็ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเสียงอะไร
ท่านสันนิษฐานว่า คงจะเป็นเสียงสัตว์ชนิดหนึ่ง และคงจะนับเป็นร้อยๆ ตัวขึ้นไป เสียงจึงได้ตะเบ็งเซ็งแซ่เช่นนี้ แต่พอท่านลุกขึ้นสวดมนต์ พลันเสียงสัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็เงียบหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ครั้นรุ่งสว่าง ขณะที่ท่านยังนั่งอยู่ในกลด กำลังพิจารณาว่าจะออกไปบิณฑบาตโปรดสัตว์ทิศทางไหนดีนั้น ก็ได้เหลือบไปเห็นชาวนาคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา และเมื่อเขากราบนมัสการท่านแล้วก็ถามท่านว่า
ท่านอาจารย์มาจำวัดที่นี่ตลอดคืน หรือเพิ่งจะมาถึงเดี๋ยวนี้?
ท่านตอบชาวนาผู้นั้นว่า
อาตมาปักกลดตั้งแต่จวนพลบเมื่อวานนี้
ชาวนาผู้นั้นถึงแก่อาการตะลึงงันทันที พลางพูดกับท่านว่า
ที่นี่ไม่เหมาะสมที่ท่านจะพักแรมเลย เพราะในบึงข้างหน้านี้มีจระเข้และสัตว์ร้ายหลายชนิด หากมันคลานขึ้นมาทำร้ายท่าน ก็จะไม่ปลอดภัยแน่ บึงนี้น่ากลัวที่สุดใครๆ เขาก็รู้กันทั่ว
แต่ท่านบอกแก่เขาว่า
ภัยอันตรายใด ๆ อาตมาไม่หวั่นเกรงดอก เพราะตั้งใจอุทิศสังขารให้เป็นทานแก่สัตว์ที่หิวกระหายอยู่แล้ว
เช้าวันนั้น ซาวนาผู้ศรัทธาได้รีบกลับไปนำอาหารมาถวายท่าน เมื่อท่านฉันเสร็จแล้วได้ให้พรเขาและออกธุดงค์ต่อไป
ฝ่าดงกระสุน
ที่จังหวัดลพบุรีนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเมืองทหารมาแต่ไหนแต่ไร วันหนึ่งทางราชการจัดให้มีการยิงเป้าที่สนามฝึกซึ่งเป็นที่ดินกว้างขวางตั้งอยู่ชายป่านอกเมือง
วิธียิงเป้าสมัยนั้น เขาสมมุติให้ทหารยึดชายป่าแห่งหนึ่ง แล้วระดมยิงรูปหุ่นที่ตั้งเอาไว้ ทั้งสองฟากสนามมีธงแดงปลิวสะบัด เป็นสัญญาณเตือนให้ชาวบ้านที่สัญจรไปมารู้ว่าเป็นเขตอันตรายห้ามเดินผ่านเข้าไป
แต่ตอนสายวันนั้น พระภิกษุเงิน ท่านแบกกลดก้มหน้าภาวนามายังทิศนั้น โดยไม่ได้เงยหน้าสังเกตธงแดง เครื่องหมายบอกอันตรายแต่อย่างใด ด้วยท่านธุดงค์ในอาการลำรวมตลอดเวลา
ในขณะนั้นแสงอาทิตย์แรงกล้า เพราะใกล้เวลาเพล นายทหารผู้ให้สัญญาณการยิงได้โบกธงเขียวลดลง เพื่อให้เหล่าทหารลงมือระดมยิงเป้าตามคำลั่ง
วินาทีเดียวกันที่ธงเขียวโบกลง พระภิกษุเงินก็ก้าวข้ามเข้าไปยังหุ่นที่เขาตั้งเอาไว้!
ฉับพลันเสียงปืนนับสิบ ๆกระบอกก็แผดกัมปนาท เป้าของศูนย์ปืนทุกกระบอกจับที่หุ่น!
ทันใดที่ท่านได้ยินเสียงปืนดังหูดับตับไหม้ พระภิกษุเงินก็ทำจิตเข้าสู่สมาธิน้อมรำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย พลางอธิษฐานว่า
ด้วยบารมีแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากอาตมามีวาสนาจะได้เป็นที่พึ่งแก่สัตว์โลกต่อไปแล้ว ก็ขออย่าให้คมอาวุธทั้งหลายแตะต้องร่างของอาตมาได้เลย
ปรากฏว่าลูกปืนทุกนัดปลิวเฉียดร่างของท่านไปหมดสิ้น!
นายทหารที่ให้สัญญาณโบกธงเขียว ได้แต่ยืนอ้าปากค้าง จนท่านเดินหายไป
เมื่อพระภิกษุเงินออกธุดงค์จนพอสมควรแล้ว ได้ย้อนกลับเข้าสู่บ้านดอนยายหอมอีกครั้งหนึ่ง
แต่เนื่องจากการธุดงค์ของท่านครั้งนี้เนิ่นนานมิใช่น้อย ร่างกายก็ดำคล้ำผอมเกรียมด้วยแดดเผาตลอดมา ทั้งนุ่งห่มด้วยจีวรสีกรัก ไม่เหลืองลออเช่นพระภิกษุตามวัดวาทั้งหลาย ชาวบ้านซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับท่านจึงจำไม่ได้
ต่อเมื่อนายแจ้ง พี่ชายของท่านมุ่งหน้ามาหา เพื่อจะสนทนาธรรม จึงได้เกิดจำท่านขึ้นมาได้ ยังความโกลาหลให้แก่หมู่ญาติ และชาวบ้านที่รักใคร่สนิทมาแต่ก่อนเป็นอันมาก
สละโลก
|
รูปหล่อเหมือนหลวงพ่อเงิน |
อีกครั้งหนึ่งที่พระภิกษุเงินได้พบกับโยมของท่านทั้งหญิงชาย ท่านเห็นมวลหมู่ญาติมิตรมาพร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้ จึงได้ปรารภขึ้นมาท่ามกลางญาติมิตรทั้งหลายว่า
อาตมามีความปรารถนาแน่วแน่ที่จะสลัดภารกิจทางโลกออกเสียจากตัวให้หมด โดยขอคืนทรัพย์สินที่โยมจัดสรรไห้เป็นส่วนของอาตมา ให้แก่บรรดาพี่น้องด้วยอาตมาจะเก็บเอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวก็ไร้ประโยชน์ เป็นเครื่องสร้างความกังวลเปล่าๆ
ทั้งอาตมาได้มาคิดดูแล้วว่าความจริงนั้น สมบัติทั้งหลายไม่ว่าจะยึดจะถือเป็นของเขา ของเรานั้น มันเป็นสมบัติของโลกทั้งนั้น! ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ เลย ไปยึดไปถือไว้ทำไม เราควรจะยึดจะถือกรรมดี กรรมชั่วต่างหาก
โยมทั้งสองเมื่อได้ฟังเจตนาของพระลูกชายเช่นนั้นก็มีความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง แต่ยังมีความรอบคอบอยู่ จึงพูดเป็นเชิงเตือนสติว่า
ขอท่านจงได้ไตร่ตรองให้แน่นอนว่าจะสละชีวิตคฤหัสถ์ได้เด็ดขาดหรือไม่ ถ้ายังไม่แน่ใจ ก็อย่าเพิ่งด่วนสละทรัพย์สมบัติเสีย เมื่อสึกออกมาจะต้องลำบากเพราะไร้ทุนรอนในการดำรงชีวิต แต่ถ้ามั่นใจจริงๆ ก็ไม่ขัดข้อง
ในเรื่องมูลค่าของมรดกที่ควรจะเป็นส่วนของท่าน โยมจะได้จัดการเฉลี่ยวันในหมู่พี่น้อง แต่พีน้องจะต้องจ่ายเงินส่วนหนึ่งในจำส่วนที่ได้รับ เพื่อจะได้มอบให้พระจัดสร้างอะไรสักอย่างหนึ่งที่เป็นสาธารณสมบัติของวัด จะได้เป็นกุศลส่วนตัวพระสืบไป
พระภิกษุเงินได้ฟังโยมพูดเช่นนั้น ก็ยืนยันความตั้งใจเดิมอย่างแน่วแน่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงความตั้งใจแต่อย่างใด
ดังนี้ต่อมา บิดาก็ได้จัดการรวบรวมทุนทรัพย์จากลูกๆเป็นเงินก้อนหนึ่ง พอที่จะเป็นทุนสร้างกุฏิหรือศาลาได้ แล้วนำไปมอบให้แก่สมภาร เพื่อจัดการตามประสงค์
ปรากฏว่า จากเงินทุนก้อนนี้และจากการสมทบจากทางอื่น วัดดอนยายหอมได้ก่อสร้างศาลาขนาดใหญ่ขึ้นหลังหนึ่ง แต่ทว่าได้สร้างสำเร็จบริบูรณ์เมื่อพระภิกษุเงินได้เป็นสมภารของวัดนี้แล้ว
อนึ่ง หลังจากพระลูกชายได้บอกสละสมบัติให้แก่พี่น้องดังกล่าว นายพรมก็มั่นใจยิ่งขึ้นว่า พระลูกชายของตนจะต้องยึดเพศบรรพชิตเป็นเรือนตายอย่างแน่นอน จึงได้ขนเอาตำรับตำราทั้งเรื่องเวทมนตร์และเวชศาสตร์ ส่งไปให้ที่วัด เพื่อพระลูกชายจะได้ศึกษา
และต่อมาตำราของโยมพ่อได้ให้ประโยชน์แก่พระภิกษุเงินเป็นอันมาก ท่านได้ปรุงยาที่มีประโยชน์หลายอย่าง เพื่อแจกจ่ายแก่ชาวบ้านที่มาพึ่งเป็นอย่างดี
มติสงฆ์
ในพรรษาที่ 6 นี้เอง พระภิกษุเงิน ก็ได้รับตำแหน่งรองเจ้าอาวาส ดูแลปกครองวัดดอนยายหอมแทน พระปลัดฮวย ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อฮวยเพราะขณะนั้นท่านชราภาพมากแล้ว และอยู่ในสภาพไม่สามารถจะบริหารกิจการของวัดได้
และอีกประการหนึ่ง พระภิกษุเงินเป็นผู้ใกล้ชิดกับปลัดฮวย ขนาดเรียกว่าต้นกุฏิได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดท่าน สมกับเป็นศิษย์ที่ชื่อว่า กตัญญูกตเวที ยิ่งในยามท่านปลัดป่วยไข้ด้วยแล้ว ก็เป็นภาระหนักแก่พระภิกษุเงินเป็นอย่างยิ่ง
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงคราวซาวเสียงกันขึ้น พระภิกษุเงินก็ขอตัว ปฏิเสธไม่ยอมรับตำแหน่งรองเจ้าอาวาส โดยอ้างว่ายังอ่อนอาวุโสนักเพียง 6 พรรษาเท่านั้น
ในยามนั้น วัดดอนยายหอมกำลังอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมชาวบ้านก็วิตกว่าจะยิ่งทรุดโทรมลงไปตามลำดับ เพราะเจ้าอาวาสหรือก็อาพาธเป็นแรมปี ขณะที่เกิดปัญหานี้ ก็พอดีทางจังหวัดมีข่าวด่วนแจ้งมาว่า ท่านเจ้าคุณพุทธรักขิต เจ้าคณะจังหวัดผู้ปกครองคณะสงฆ์จะมาตรวจงานที่วัดดอนยายหอม
ข่าวนี้เองที่สร้างความตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุดแก่ชาวบ้านทั่วไป โดยเฉพาะผู้เป็นคณะกรรมการของวัดมั่นใจว่าพระภิกษุเงินคงไม่กล้าปฏิเสธตำแหน่งเจ้าอาวาสในครั้งนี้ในเมื่อท่านเจ้าคุณพุทธรักขิตเป็นผู้แต่งตั้ง
และในวันนั้นเองได้มีการเรียกประชุมชาวบ้านพร้อมทั้งคณะสงฆ์ท่านเจ้าคุณได้กล่าวท่ามกลางที่ประชุมว่า
เนื่องด้วยท่านเจ้าอาวาสปัจจุบันชราภาพและอาพาธตลอดมา ไม่สามารถจะบริหารวัดให้เจริญสืบไปได้เช่นกาลก่อน บ้านจึงจำเป็นต้องเลือกองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นเป็นรองเจ้าอาวาสเพื่อดูแลแทน บรรดาภิกษุและชาวบ้านคณะกรรมการวัด เห็นสมควรหรือไม่?
เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าสมควร ท่านเจ้าคุณก็ถามต่อไปว่า
ภิกษุองค์ใดเล่าที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งรองเจ้าอาวาส ขอให้เสนอมา การพิจารณาจะยึดเอาเสียงข้างมากเป็นสำคัญ
ในที่สุดเสียงข้างมากก็ลงมติว่า ตำแหน่งรองเจ้าอาวาสควรจะได้แก่พระภิกษุเงิน ท่านเจ้าคุณจึงเรียกพระภิกษุเงินออกมายืนต่อหน้าพุทธบริษัททั้งหลาย และได้ประกาศแต่งตั้งให้ เป็นรองเจ้าอาวาสทันที
เจ้าคุณทำนาย
เมื่อเลิกประชุมแล้ว ท่านเจ้าคุณพุทธรักขิต ได้เรียกภิกษุเงินไปสนทนาด้วยเงียบ ๆ โดยกล่าวว่าท่านได้รับทราบกิตติศัพท์ของภิกษุเงินมานานแล้ว ว่าแข็งแกร่งมีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างไม่มีผู้ใดเหมือน
มีปฏิภาณในการสั่งสอนประชาชน รู้จักวางตนได้เหมาะสม จนเป็นที่เคารพของชาวบ้านตลอดจนเพื่อนภิกษุด้วยกัน
ในอนาคตจะต้องเป็นพระเถระรูปหนึ่งที่มีความสามารถในการทำนุบำรุงพระศาสนาให้รุ่งเรืองลืบไป
คุณจะเป็นผู้ปกป้องชาวบ้านนี้ให้อยู่ในกรอบของศีลธรรม คุณจะเป็นผู้นำทางให้เขาไปสู่แสงสว่างอันหมายถึงความสงบสุข ลักษณะของคุณบอกชัดว่า เป็นผู้ชอบแผ่เมตตาจิต ขอให้คุณจงเจริญรุ่งเรืองอยู่ในพระบวรพุทธศาสนายิ่งๆ ขึ้นไปเถิด
ท่านเจ้าคุณได้ทำนายอนาคตและให้พรแก่พระภิกษุเงินโดยประการฉะนี้
ปฏิสังขรณ์วัดดอนยายหอม
|
กุฏิพำนักของหลวงพ่อเงิน สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ |
หลังจากได้รับตำแหน่งเป็นรองเจ้าอาวาสแล้ว หลวงพ่อเงิน ได้เริ่มงานปฏิสังขรณ์วัดทันที
พระอุโบสถ หรือกุฏิที่ชำรุดผุพังเกือบทุกหลัง ถนนหนทางในวัดสำหรับภิกษุจะเดิน ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นงานที่จะต้องรีบแก้ไข
เมื่อสำรวจดูแล้ว ท่านก็ตระหนักว่า พระอุโบสถเป็นหัวใจของวัด ซึ่งขณะนั้นพื้นเป็นดิน เวลาภิกษุเข้าทำสังฆกรรมต้องเปรอะเปื้อนเลอะเทอะ
เมื่อมีโอกาสท่านจึงปรารภกับบรรดาสัปบุรุษทั้งหลาย ท่านเหล่านั้นก็พร้อมใจกันบริจาคทรัพย์ จึงได้หินอ่อนมาปูพื้นอุโบสถจนเรียบร้อย
ต่อจากนั้นก็ได้มีการดัดแปลกุฏิที่ชำรุด ให้เป็นที่อยู่อาศัยอันสมบูรณ์อีกหลายหลัง
เมื่อชาวบ้านหมดจากฤดูเก็บเกี่ยว หลวงพ่อเงิน ก็ขอแรงบอกบุญชาวบ้านให้ถือจอบถือพลั่วมาคนละอัน ช่วยกันขุดลอกคูเก่าทางด้านทิศตะวันตกของวัดที่มีความยาวเกือบยี่สิบเส้น ให้ลึกลงไป และขุดลอกให้น้ำสะอาดสดใส
ต่อมาก็ขอแรงชาวบ้านช่วยกันขุดสระน้ำขนาดใหญ่ทางด้านใต้ของวัดอีกหนึ่งสระ มีความกว้าง 10 วาเศษ ยาวประมาณ 3 เส้น ลึกประมาณ 8 วา จัดว่าเป็นสระใหญ่ และยาวที่สุดของตำบลนั้นด้วยความพร้อมเพรียงของชาวบ้านดอนยายหอม สระใหญ่ก็เสร็จเรียบร้อย ขังน้ำไว้ใช้ได้ตลอดปี
สร้างหอสวดมนต์
แม้วัดดอนยายหอมจะเป็นวัดเก่าแก่ก็จริง แต่หาได้มีหอสวดมนต์สำหรับภิกษุสามเณรจะทำวัตรเช้าเย็นไม่
ฉะนั้นพอถึงปี พ.ศ. 2465 หลวงพ่อเงิน จึงปรึกษาชาวบ้านถึงเรื่องนี้โดยเน้นให้เห็นถึงความจำเป็นของหอสวดมนต์ให้ฟัง
ชาวบ้านก็พร้อมใจกันบริจาคทรัพย์คนละเล็กละน้อย ทั่วทั้งตำบล ได้เงินมาสร้างในสมัยนั้น
อนิจจัง...ไม่เที่ยง
ในกลางปี พ.ศ. 2463 หลวงพ่อเงินก็ต้องสูญเสีย นายพรม ด้วงมูล โยมพ่ออันเป็นที่เคารพรัก และอีกหนึ่งปีต่อมา นางกรอง ด้วงมูลโยมแม่ของท่าน ก็มาด่วนจากไปอีกคนหนึ่ง
ต่อมาอีกปีหนึ่ง คือ พ.ศ. 2466 พระปลัดฮวย เจ้าอาวาสก็ถึงแก่มรณภาพ ทางเจ้าคณะจังหวัดจึงมีคำสั่งแต่งตั้งหลวงพ่อเงิน ผู้เป็นรองเจ้าอาวาส เป็นเจ้าอาวาสแทนพระปลัดฮวย เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปีนั้นเอง
เป็นที่น่าสังเกตว่า ตราตั้งเจ้าอาวาสนี้ตรงกับเดือนที่ท่านเจ้าคุณพุทธรักขิต ตั้งหลวงพ่อเงินเป็นรองเจ้าอาวาส ใน พ.ศ. 2459
สมภารตัวอย่าง
นับแต่บัดนั้น หลวงพ่อเงิน ก็ได้เอาใจใส่ให้พระเณรได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย โดยจัดหาหนังสือมาให้ศึกษา นิมนต์พระภิกษุที่ทรงคุณวุฒิมาสอนและได้จัดสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้น
ท่านได้ปกครองภิกษุสงฆ์ด้วยความรักใคร่เมตตา ภิกษุใดขาดแคลน หรือมีปัญหาความเดือดร้อน ท่านก็ให้ความช่วยเหลือโดยทั่วถึง ความสามารถในการเป็นสมภารเจ้าวัดของท่าน ได้เป็นที่เลื่องลือกันทั่วไป เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมในขณะนั้นถึงกับพูดว่า
ให้ดูสมภารวัดดอนยายหอมเป็นตัวอย่าง ถึงแม้ว่าจะเป็นสมภารเด็ก ๆ
งานเพื่อปวงชน
ด้วยความห่วงใยในสุขภาพและการเจ็บป่วยของชาวบ้าน หลวงพ่อเงิน ได้สละทรัพย์ส่วนตัวของท่านร่วมกับพี่ชายซื้อที่ดินไว้แปลงหนึ่ง เพื่อสร้างสุขศาลาในปี 2494 การสร้างสุขศาลาก็เสร็จเรียบร้อย
ก่อนที่จะมีสุขศาลา ชาวบ้านคนใดถูกงูกัดก็จะต้องนำตัวเข้าไปรักษาถึงในเมือง บางคนก็ต้องเสียชีวิตกลางทางเพราะไปรักษาไม่ทัน แต่เมื่อมีสุขศาลาแล้วไม่มีชาวบ้านคนใดตายเพราะงูกัดอีกต่อไป
หลวงพ่อเงิน มีความสนใจและห่วงใยในการศึกษาของเยาวชนตำบลดอนยายหอมเป็นอย่างมาก
ฉะนั้นในปี พ.ศ. 2496 ท่านก็ได้สร้างโรงเรียนประชาบาลเป็นตึกสองชั้น ตึกหลังนี้มีมูลค่าถึงหนึ่งล้านหกแสนบาท (เงินในสมัยนั้น)
แม้จะต้องใช้เงินจำนวนมากแต่คุณความดีของหลวงพ่อก็เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดูดศรัทธาของประชาชนทั้งใกล้และไกลให้มาร่วมการกุศลกับท่าน
สำหรับชาวบ้านดอนยายหอมซึ่งได้เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาและการมีโรงเรียน ต่างก็ได้พร้อมใจกันบริจาคทรัพย์และแรงงานอย่างเต็มที่
ปิดโรงยาฝิ่น
|
ที่นั่งรับแขกของหลวงพ่อเงิน |
หลวงพ่อเงินได้ทำการปกป้องคุ้มครองชาวบ้านดอนยายหอมให้พ้นจากอบายมุขทั้งหลาย ในสมัยที่รัฐบาลยังอนุญาตให้ตั้งโรงยาฝิ่น ปรากฏว่าทุกตำบลในอำเภอเมืองนครปฐม มีโรงยาตั้งอยู่ทั้งสิ้น มีเพียงตำบลดอนยายหอมเท่านั้นที่โรงยาฝิ่นมาตั้งแล้วตั้งอยู่ไม่ได้
เมื่อเขาจะตั้งโรงยาฝิ่นใหม่ ๆหลวงพ่อเงินเที่ยวเตือนชาวบ้านให้รู้ถึงภัยจากฝิ่น โดยท่านปรารภให้ใครต่อใครฟังว่า
ฉันใจไม่ดีเสียแล้ว เพราะได้ข่าวว่าไฟบรรลัยกัลป์กำลังจะมาก่อหวอดขึ้นกลางหมู่บ้านพวกเรา ฉันเกรงว่ามันจะเผาผลาญทรัพย์สินของญาติพี่น้องชาวบ้านนี้ให้วอดวายไปหมด
ไฟบรรลัยกัลป์นี้มันร้ายแรงนักเผาทั้งเงินทอง บ้านช่อง แม้กระทั่งแผ่นดินที่ไร่ที่นาทีเดียว
ต่อไปพวกเราจะต้องพากันลำบากยากไร้ที่อยู่อาศัย ลูกเล็กเด็กแดงก็จะพากันพลอยรับบาปไปด้วย มันช่างน่ากลัวเหลือเกินโยม....
ชาวบ้านเมื่อได้ฟังคำปรารภของท่านต่างก็ไม่สบายใจไปด้วย และต่างก็บอกต่อ ๆ กันไปถึงภัยที่จะเกิดขึ้นจากโรงยาฝิ่น
ผู้หวังดีต่อส่วนรวมจึงร่วมมือกันคอยชี้แจงคนที่จะเข้าโรงยาว่าหลวงพ่อไม่ชอบให้ใครสูบ ไม่ว่าใครจะเข้าโรงยาฝิ่นเป็นถูกมติมหาชนบ้านดอนยายหอมคัดค้านไว้เสมอ
เจ้าของโรงยาต้องขาดทุนเพราะไม่มีใครมาสูบฝิ่นเลย เมื่อตั้งได้ 5 เดือนกว่าๆ ก็ต้องเลิกกิจการพร้อมกับความแปลกใจว่า ทำไมหนอคนตำบลนี้ออกหนาแน่นและร่ำรวยทั้งนั้น แต่ไม่มีใครมาสูบฝิ่นกันบ้างเลย
ปราบบ่อนการพนัน
นอกจากนี้ท่านยังพยายามสั่งสอนอบรมประชาชนให้เห็นโทษและเลิกจากการพนัน และได้ทำลายแหล่งการพนันที่เกิดขึ้นด้วยกุศโลบายอันแยบคายโดยไม่ต้องใช้กฎหมายและตำรวจแต่อย่างใด
ครั้งหนึ่งได้มีการตั้งบ่อนเล่นหวยจับยี่กีชิ้นที่โรงสีเจ๊กเสียว เมื่อหลวงพ่อเงินทราบ ท่านก็ทำเตร่ไปเยี่ยมเถ้าแก่โรงสี เมื่อได้ไต่ถามทุกข์สุขแล้วท่านก็เปรยขึ้นว่า
ได้ยินเขาเล่าลือกันว่า เถ้าแก่ตั้งบ่อนการพนัน ไม่คิดว่าคนที่มีเงินเหลือเฟืออย่างเถ้าแก่จะโง่ตั้งบ่อนการพนันขึ้น เพราะถ้าคนเล่นการพนันมากๆ และยากจนลง ก็คงจะต้องลักขโมยและปล้นสะดม ตัวเถ้าแก่เองก็อาจจะถูกปล้นด้วย
หากเถ้าแก่ตั้งบ่อนการพนันจริงก็ขอให้เลิก เพราะยังมีหนทาทำมาหากินอย่างอื่น นอกจากเถ้าแก่จะไม่มีหนทางทำมาหากินอย่างอื่นก็แล้วไป
เถ้าแก่เสียวฟังแล้วละอายแก่ใจพอหลวงพ่อเงินกลับวัด เถ้าแก่ก็สั่งลูกน้องปิดบ่อนการพนันแต่นั้นมา!
คาถาคุ้มกันตัว
หลวงพ่อเงิน ได้รับการนับถือยกย่องว่า เป็นผู้มีปฏิภาณหลักแหลม และมีคำพูดฉลาดคมคายในการโต้ตอบและอบรมสั่งสอนคน
ครั้งหนึ่งมีนักเลงใหญ่คนหนึ่ง อยู่ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพรานได้มาหาหลวงพ่อเพื่อจะขอของดีไว้คุ้มกันตัว ท่านจึงบอกว่า เอาคาถาไปใช้ดีกว่า นักเลงคนนั้นก็รับคำท่านจึงบอกว่าคอยฟังคาถาและท่องจำให้ดี
คาถานั้นมี เพียงสองคำคือ อยู่คง
ใช้เวลาเขาจะตีกันทะเลาะกัน เราอย่าไปเกี่ยว คงที่เอาไว้
อีกคาถาหนึ่งคือ ยิงไม่เข้า ฟันไม่ออก
เวลาใครจะยิงกัน เราไม่เข้า ให้หนีเสีย เขาจะฟันกัน เราก็ไม่ออกไปยุ่งเกี่ยว
นักเลงคนนั้นได้ฟังหลวงพ่อเงินบอกคาถาดังกล่าวก็ทำสีหน้าชอบกลอยู่ พลางคิดว่าหลวงพ่อตลกเอาเสียแล้ว เมื่อไม่ได้ของดีที่อยากได้ ก็กราบลากลับไป
ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ
|
หลวงพ่อเงินครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูทักษิณานุกิจ |
ต่อมาไม่กี่วัน หลวงพ่อเงินเดินทางไปที่คลองจินดา นักเลงคนนั้นก็วิ่งโร่เข้ามากอดหลวงพ่อ พร้อมกับรำพึงรำพันว่า
คาถาของหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ถ้าไม่ได้คาถาของหลวงพ่อผมคงเข้าคุกแน่
แล้วเล่าเรื่องให้ฟังว่า เมื่อ2-3 วันมานี้ เขาได้ไปงานบวชนาคกับพรรคพวก ตกตอนเย็นเจ้าภาพเอาเหล้ามาเลี้ยง พรรคพวกของเขามีเรื่องวิวาทกับนักเลงบ้านคลองตาปลั่งถึงกับกลุ้มรุมทำร้ายกัน
ขณะนั้นเขากำลังนั่งอยู่บนเรือน พอเห็นพรรคพวกมีเรื่องวิวาทกับคนอื่นก็คว้าดาบกระโจนออกมาเพื่อช่วยพรรคพวก แต่พอกระโจนไปได้สาม-สี่ก้าวก็ต้องชะงัก!
นึกไปถึงคาถาของหลวงพ่อที่ว่า อยู่คง และ.ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า
ผลที่สุดปรากฏว่าพรรคพวกของเขาถูกตำรวจจับเข้าคุกหมด! มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รอดเพราะคาถาของหลวงพ่อ!
ป่วยกันทั้งตำบล
ครั้งหนึ่งมีชาวตำบลบางแขมนำเรือพาลูกหลานพร้อมด้วยสำรับกับข้าวไปถวายท่าน
ตำบลบางแขมนี้เป็นที่รวมเหล่าอันธพาลและอาชญากร ทั้งชาวบ้านนิยมสูบฝิ่นกันมากที่สุด เด็กรุ่นๆ ก็นิยมเข้าโรงยาและพกอาวุธทำตัวเป็นนักเลงแต่เล็ก
ชาวบ้านที่บางแขมไปพบท่านและได้ปรารภขึ้นว่า ทำไมหนอชาวดอนยายหอมจึงทำมาค้าขายร่ำรวยกันแทบจะทุกครัวเรือน ส่วนชาวบ้านบางแขมซึ่งอยู่ใกล้ๆ ไม่ไกลจากกันเท่าใดเลย จึงยากจนแร้นแค้น บางบ้านถึงกับอดอยากแทบไม่มีจะกิน
หลวงพ่อเงินฟังแล้วก็พูดว่า
อาตมาเองก็สงสารชาวบางแขมมาก เพราะพากันป่วยไข้เกือบหมดทั้งตำบล ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่คนป่วยจะทำกินไม่ทันเพื่อนบ้านเขา
ชายคนที่ปรารภถึงความทุกข์ยากคนบางแขมได้ฟังดังนั้นก็ประหลาดใจจึงบอกท่านว่า
หลวงพ่อเอาอะไรมาพูด ผมไม่เห็นชาวบ้านบางแขมเป็นอะไรนี่ครับ เขาก็ดีๆ เหมือนชาวบ้านดอนยายหอม ทำไมหลวงพ่อจึงว่าพวกเขาป่วยกันทั้งตำบล
หลวงพ่อเงินฟังเขาเถียงขึ้นมาเช่นนั้นก็หัวเราะแล้วบอกว่า
อาตมาเห็นเขากินยากันทั้งตำบลก็คิดว่าเขาป่วยไข้กัน ไม่ป่วยไม่ไข้แล้วไปเข้าโรงยาฝิ่นกินยากันทำไม!
ชายคนนั้นจึงเข้าใจว่า หลวงพ่อหมายถึงอะไร
คนโง่กว่าปลา
|
หลวงพ่อเงินถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2467 |
คราวหนึ่งมีคนไปเยี่ยมท่าน ในตอนหนึ่งของการสนทนา ผู้ที่ไปเยี่ยมได้ถามท่านว่า
หลวงพ่อฉันปลามีความรู้สึกอย่างไรบ้าง?
หลวงพ่อเงินได้ตอบว่า
เฉย ๆ เพราะเท่าที่ฉันเนื้อสัตว์ก็ด้วยคนนำมาถวาย มันเป็นอาหารก็ฉันไปเพื่อยังชีวิตอยู่ จะได้ทำประโยชน์ให้แก่โลกเท่านั้น
แล้วท่านก็ย้อนถามเขาว่า
ปลากับคน ใครจะโง่กว่ากัน?
ผู้ที่ไปเยี่ยมเยียน กราบเรียน
ปลาโง่กว่าคน เพราะคนจับปลามากินได้
หลวงพ่อเงินได้ฟังเขาตอบเช่นนั้นท่านจึงว่า
คนที่โง่กว่าปลาก็ยังมี ที่ปลาถูกจับก็เพราะมีคนเอาลอบเอาเฝือกไปดักมัน มันไม่รู้ จึงถูกจับ
แต่ขอให้ไปยืนดูที่หน้าคุกบ้าง คุกไม่ได้ทำไว้หลอกใครเหมือนลอบ มันตั้งเด่นอยู่ข้างทางด้วยซ้ำไป แต่ก็มีคนเข้าไปติดวันละหลายๆ พวง คนพวกนี้จัดว่าโง่กว่าปลาเสียอีก!
คนสี่จำพวก
หลวงพ่อเงิน ท่านแบ่งคนออกเป็น 4 จำพวก ดังนี้
พวกที่ 1 คนพูดได้ แต่ทำไม่ได้
คนชนิดนี้ย่อมไม่เป็นลาระและไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย อุปมาเหมือนฟ้าร้อง แต่ฝนไม่ตกลงมา
พวกที่ 2 คนที่ทำได้ แต่พูดไม่ได้
คนชนิดนี้ได้ผลมาก อุปมาเหมือนฝนตก แต่ฟ้าไม่ร้อง
พวกที่ 3 คนที่พูดไม่ได้ ทำก็ไม่ได้
คนชนิดนี้น่าสงลาร แต่ก็ยังดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน อุปมาเหมือนฝนไม่ตก ฟ้าก็ไม่ร้อง
คนพวกที่ 4 คนที่ทำได้พูดก็ได้
คนชนิดนี้ดีที่สุด อุปมาเหมือนฝนก็ตก ฟ้าก็ร้อง
เมตตาเสมอกัน
หลวงพ่อเงินได้ปฏิบัติต่อคนทุกคนด้วยความเมตตากรุณาเสมอเหมือนกันหมด โดยไม่เคยคำนึงว่าผู้ใดจะยากจน หรือร่ำรวยแค่ไหน
ในสมัยที่ท่านยังมีสุขภาพแข็งแรง เมื่อมีผู้ใดนิมนต์ท่านไปงานใดๆ เช่น บวชนาค สวดมนต์ หรือแต่งงาน แม้คนที่มานิมนต์จะยากจนแสนเข็ญ หนทางไปมาจะทุรกันดารสักเพียงใด ท่านก็ไม่เคยขัดศรัทธา มักจะรับนิมนต์เขาเสมอ
และเมื่อท่านรับนิมนต์ผู้ใดในวันใดแล้ว แม้จะมีผู้ยิ่งใหญ่ปานไหนจะมานิมนต์ซ้อนกับวันที่ท่านได้รับนิมนต์แล้ว ท่านก็จะปฏิเสธ
เช่นในครั้งหนึ่ง ท่านได้รับนิมนต์ไปในงานบวชนาคของชาวบ้านดอนขนาก ซึ่งเป็นคนยากจนแทบจะไม่มีสมบัติติดตัว แล้วต่อมาท่านอธิบดีกรมตำรวจในสมัยนั้น ได้ให้ตำรวจมานิมนต์หลวงพ่อไปร่วมสวดมนต์ในพิธีใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ท่านก็ไม่ยอมรับ
พระธรรมวาทีคณาจารย์
|
โรงเรียนวัดดอนยายหอม |
ด้วยคุณงามความดีของหลวงพ่อเงิน ท่านจึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระธรรมวาทีคณาจารย์ ในปี พ.ศ. 2499 เป็นที่ปลาบปลื้มยินดีแก่บรรดาสานุศิษย์และชาวบ้านดอนยายหอมเป็นอย่างยิ่ง
บรรดาศิษย์ทั้งหลายได้จัดขบวนแห่และจัดงานฉลองเพื่อแสดงความสักการะและชื่นชมอย่างมโหฬาร ได้มีผู้เคารพเลื่อมใสจำนวนเป็นพัน ๆ เข้าร่วมในขบวนแห่จากสะพานโพธิ์แก้ว ซึ่งข้ามแม่น้ำนครชัยศรี ไปยังองค์พระปฐมเจดีย์